นิวเดลี 5 ก.ค.- รัฐบาลอินเดียขึ้นภาษีสินค้านำเข้าหลายรายการและขึ้นภาษีคนรวยหวังลดยอดขาดดุลการคลัง และเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในภาคการประกันภัยที่ควบคุมมาหลายทศวรรษ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอีกครั้ง
นางนีร์มาลา สีตารามัน รัฐมนตรีคลังแถลงต่อรัฐสภาเรื่องงบประมาณประจำปีนี้จะที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคมปีหน้า เป็นงบประมาณฉบับแรกหลังจากรัฐบาลพรรคภารติยะชนตะได้รับเลือกตั้งอีกสมัยในการเลือกตั้งเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมปีนี้ เธอเผยว่า งบประมาณรายจ่ายจะไม่เพิ่มขึ้นมากมายอย่างที่หลายฝ่ายคาดหมาย แต่รัฐบาลจะลดยอดขาดดุลการคลังให้เหลือเพียงร้อยละ 3.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า 75 รายการ เช่น ทองคำและโลหะต่าง ๆ จากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 12.5 เก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบตันละ 1 รูปี (ราว 0.45 บาท) ขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลและเบนซินลิตรละ 2 รูปี (ราว 0.89 บาท) เก็บภาษีร้อยละ 25 กับผู้มีรายได้ 20-50 ล้านรูปีต่อปี (ราว 8.95-22.37 ล้านบาท) และร้อยละ 37 กับผู้มีรายได้เกิน 50 ล้านรูปีต่อปี จากเดิมที่เก็บภาษีร้อยละ 10 กับผู้มีรายได้ 5-10 ล้านรูปีต่อปี (ราว 2.23-4.47 ล้านบาท) และร้อยละ 15 กับผู้มีรายได้เกิน 10 ล้านรูปีต่อปี
ขณะเดียวกันรัฐบาลจะอัดฉีดเงิน 700,000 ล้านรูปี (ราว 313,311 ล้านบาท) ให้แก่ธนาคารของรัฐที่มีปัญหาหนี้เสียเพื่อเพิ่มสภาพคล่องการปล่อยสินเชื่อและกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจุบันธนาคารและสถาบันการเงินทั้งหมดของอินเดียมีหนี้เสียรวมกันกว่า 10 ล้านล้านรูปี (กว่า 4.47 ล้านล้านบาท) นอกจากนี้รัฐบาลยังจะเปิดให้ต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจคนกลางประกันภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์จากปัจจุบันที่ให้เพียงร้อยละ 49 เท่านั้น.-สำนักข่าวไทย