ซานซัลวาดอร์ 29 มิ.ย.- สตรีเอลซัลวาดอร์ที่พยายามว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งรัฐเทกซัสของสหรัฐพร้อมกับสามีและลูกน้อย แต่คลื่นซัดสามีและลูกหายไปต่อหน้าต่อตา เดินทางจากเม็กซิโกกลับถึงบ้านเกิดแล้วในวันนี้
นางตาเนีย อะวาโลส วัย 21 ปี และนายออสการ์ มาร์ติเนซ สามีวัย 26 ปี พาวาเลอเรีย ลูกสาววัยไม่ถึง 2 ขวบเดินทางรอนแรมเป็นระยะทางกว่า 3,000 กิโลเมตรจากบ้านเกิดมาจนถึงด่านเมืองมาตาโมโรส รัฐตาเมาลีปัส ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโกที่อยู่ตรงข้ามกับเมืองบราวน์สวิลล์ รัฐเทกซัสของสหรัฐเมื่อวันอาทิตย์ แต่ทางการเม็กซิโกปิดด่านจึงตัดสินใจว่ายน้ำข้ามแม่น้ำรีโอกรานเดเพื่อไปขึ้นฝั่งสหรัฐ เพื่อนที่เดินทางไปด้วยให้เธอขี่หลัง แต่สามีและลูกถูกคลื่นซัดไหลไปตามกระแสน้ำและจมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา เธอและเพื่อนพยายามจะช่วยแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ภาพศพพ่อลูกคว่ำหน้าในแม่น้ำที่พบในวันรุ่งขึ้น ห่างออกไป 500 เมตร สร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลก และกลายเป็นภาพสัญลักษณ์วิกฤตผู้เข้าเมืองชาวอเมริกากลางที่หลั่งไหลเดินทางมาเม็กซิโกหวังลอบเข้าสหรัฐ แต่ถูกทางการเม็กซิโกปราบปรามตามที่ถูกสหรัฐกดดัน
นางอะวาโลสกุมมือตัวเองแน่นขณะเดินก้มหน้าออกจากท่าอากาศยานนานาชาติซันซัลวาดอร์โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศคอยดูแล รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศขอให้สื่อเคารพความเป็นส่วนตัวของเธอที่สูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต และว่าเธอได้ย้ำกับรัฐบาลว่าไม่ต้องการให้สัมภาษณ์ใด ๆ ส่วนศพของสามีและลูกน้อยกำลังลำเลียงมาทางบก เพราะหากมาทางเครื่องบินจะเสียเวลากับเรื่องดำเนินการทางเอกสาร คาดว่าจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน.-สำนักข่าวไทย