กทม. 27 มิ.ย. – มีรายงานที่นำเสนอโดยนักสืบสวนสอบสวนชำนาญการของ ป.ป.ส.ภาค 5 นำเสนอสำนักงาน ป.ป.ส. เกี่ยวกับแนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ พบว่าแนวโน้มการระบาดของยาเสพติดในปีนี้รุนแรงขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคมปี 2560 ถึงเดือนสิงหาคม 2561 พบว่าเจ้าหน้าที่ตรวจยึดยาบ้าได้เป็นจำนวนมาก หากดู 5 อันดับแรกของจังหวัดที่มีการตรวจยึดยาบ้าได้ 1 ล้านเม็ดขึ้นไปต่อครั้ง เกิดขึ้นที่ จ.เชียงราย โดยจับได้ 58 คดี รวมยาบ้าทั้งหมด 87 ล้านเม็ด รองลงมา คือ กรุงเทพฯ รวม 51 คดี ประมาณ 45 ล้านเม็ด ส่วนรองลงมามีทั้ง นครพนม 15 คดี รวม 21 ล้านเม็ด ลำปาง จำนวน 18 คดี รวม 18 ล้านเม็ด และ เชียงใหม่ 28 คดี รวม 17 ล้านเม็ด
พบ 4 ปัจจัยหลักสามเหลี่ยมทองคำเร่งผลิตยาเสพติด
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้พื้นที่ติดแนวชายแดนของเชียงราย เช่น แม่ฟ้าหลวง แม่สาย เชียงแสน เชียงของ และเวียงแก่น เป็นพื้นที่เฝ้าระวังการลักลอบนำเข้ายาเสพติดลอตใหญ่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เชียงดาว ฝาง และแม่อาย ของเชียงใหม่ รวมถึงพื้นที่แนวชายแดน จ.บึงกาฬ หนองคาย นครพนม เลย และ กาญจนบุรี รายงานฉบับเดียวกันระบุถึงปัจจัย 4 ประการที่ทำให้มีการผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำมากขึ้น ประกอบด้วย
1.กลุ่มผู้ค้าในสามเหลี่ยมทองคำสามารถลักลอบนำสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ไปยังพื้นที่ ส่วนใหญ่นำมาจากจีนและอินเดีย
2.มีกลุ่มนายทุนค้ายาข้ามชาติไปตั้งโรงงานผลิตและว่าจ้างนักเคมีผลิต
3.สถานการณ์การเมืองและความมั่นคงในประเทศเพื่อนบ้านต่อกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธต้องเร่งผลิตยาเพื่อหาเงินทุนต่อต้านรัฐบาล
4.กลุ่มการค้ารายสำคัญออกไปเคลื่อนไหวที่ประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนยกระดับเป็นผู้จัดหายาเสพติดจากแหล่งผลิตก่อนลักลอบเข้าไทย
ย้อนสถิติตรวจยึดยาเสพติดเรียงตัว 6 ปีย้อนหลัง
ข้อมูลจาก UNODC หรือสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดของไทยในรายงานชื่อ “Synthetic Drugs in East and South-East Asia” ซึ่งเป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 2556-2561
1.ยาบ้า ยึดได้เพิ่มขึ้นหลายเท่าจาก 113 ล้านเม็ด ในปี 2556 แต่ปี 2561 ยึดได้ 500 ล้านเม็ด
2.ยาไอซ์ ยึดได้ในปี 2556 ประมาณ 1.6 ตัน เพิ่มเป็น 18 ตัน ในปี 2561
3.ยาอี ปี 2556 ยึดได้ 18,000 เม็ด เพิ่มเป็น 203,000 เม็ด ในปี 2561
4.เคตามีน ปี 2556 ยึดได้เพียง 24 กิโลกรัม แต่ในปี 2561 ยึดไปร่วม 720 กิโลกรัม . – สำนักข่าวไทย