กรุงเทพฯ 13 มี.ค.-พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนมากไปเข้าคิวเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารเช่น ที่จ.พะเยา เพื่อรับเงินจำนวน 3,000 บาท จากรัฐบาล ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นเพียงข่าวลือที่พูดต่อๆ กันเท่านั้น โดยรัฐบาลยังสนับสนุนเงินสวัสดิการแก่ผู้มีรายได้น้อยตามหลักเกณฑ์เดิม เช่น ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ค่ารถ ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ จึงยังไม่มีการโอนเงิน 3,000 บาทให้ตามที่ลือกันแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังยืนยันไม่มีนโยบายยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และอยู่ระหว่างการพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐราว 14.5 ล้านคน จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ ส่วนการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 – 26 พฤษภาคม 2562 มียอดรวมกว่า 64,700 ล้านบาท มีวงเงินใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละกว่า 3,200 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้กระจายถึงระดับฐานราก ทำให้ร้านค้าในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ร้านค้ามีความเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถเลือกซื้อสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดได้ โดยร้านค้าธงฟ้าประชารัฐยังมีส่วนช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกร ผู้ผลิตสินค้าในชุมชน โดยปัจจุบันสินค้าที่จำหน่ายในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐกว่าครึ่งหนึ่งเป็นสินค้าจากเกษตรกร และผู้ผลิตสินค้าชุมชน หากคิดเป็นมูลค่าการจับจ่ายผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐจะมีเม็ดเงินประมาณ 32,000 ล้านบาท ที่เข้าไปช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ผลิตสินค้าชุมชน เป็นการช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจระดับฐานราก
มาถึงเรื่องของราคาน้ำมันบ้าง ล่าสุดวันนี้ลดลงอีก 30 สตางค์/ลิตร ทั้งกลุ่มเบนซิน และดีเซล รวมแล้ว 20 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.62เป็นต้นมา ราคาน้ำมันลดลง 7 ครั้ง โดยกลุ่มดีเซลลดลง 2.40 บาท/ลิตร และกลุ่มเบนซินลดลง 2.50 บาท/ลิตร ขณะที่นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) บอกว่า ราคาน้ำมันดิบปีนี้คาดว่าจะอยู่เฉลี่ย 50-60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าโอเปกอาจจะร่วมลดกำลังผลิตกันต่อแต่สงครามการค้าก็เป็นสิ่งกดดันราคาไม่ให้ขยับขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันดิบลดลงกว่า 2 ดอลลาร์ต่ำสุดในรอบเกือบ 5 เดือน โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสวานนี้ ปิดที่ 51.14 ดอลลาร์/บาร์เรล เบรนท์ ปิดที่ 59.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถานการณ์ราคาก๊าซแอลพีจีขณะนี้ปรับลดลงเป็นผลดีต่อฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้เดือนนี้เงินกองทุนน้ำมัน บัญชีก๊าซหุงต้ม มีเงินไหลเข้าประมาณ 29.4 ล้านบาท จากเดิมที่ไหลออกมานานเป็นเวลานาน จนส่งผลให้ วันที่ 9 มิ.ย.62 บัญชีก๊าซหุงต้มติดลบประมาณ 6,600 ล้านบาท
ราคาน้ำมันที่ถูกลงไม่แน่ใจว่าส่งผลต่อยอดขายรถยนต์หรือไม่ แต่พบว่ายอดขายรถยนต์ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่ายอดขายรถยนต์เดือนพฤษภาคม ด้วยยอดรวม 88,097 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ส่วนยอดขายรวม 5 เดือนแรกปีนี้ มียอดสะสมรวม 437,722 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาร้อยละ 9.1 และมั่นใจว่าเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.5 ล้านคัน มีโอกาสเป็นไปได้ หากไม่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศหรือน้ำท่วมยาว
ด้านการส่งออกรถยนต์ เดือนพษาภาคม 2562 มียอดรวม 95,331 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 3.58 โดยส่งออกลดลงเกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดเอเชีย ตลาดตะวันออกกลาง ส่วนยอดรวมการส่งออกรถยนต์ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ 462,286 คัน ลดลงร้อยละ 3.27 แต่ยังเชื่อว่าเป้าหมายส่งออกรถยนต์ปีนี้ที่ตั้งไว้ 1.1 ล้านคันจะเป็นไปได้ แต่ยังกังวลผลกระทบจากสงครามการค้า ด้านยอดผลิตปี 2562 ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2.15 ล้านคัน.-สำนักข่าวไทย