รฟท.มั่นใจเจรจาค่าโง่โฮปเวลล์ชัดเจนภายในเดือนนี้

กรุงเทพฯ 9 มิ.ย. – รฟท.มั่นใจเจรจาค่าโง่โฮปเวลล์มีความชัดเจนเดือนนี้ ขณะที่สัปดาห์หน้าจะเร่งหารือกลุ่มซีพีประเด็นปัญหาเสาโฮปเวลล์ที่ขวางการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และต้องทุบทิ้ง


นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า สำหรับการเจรจาเรื่องปัญหาค่าโง่โครงการโฮปเวลล์ ซึ่งมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างหลายหน่วยงาน เพื่อเจรจากับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดและรักษาผลประโยชน์ของภาครัฐ โดย รฟท.มั่นใจว่าการเจรจาจะได้ข้อสรุปชัดเจนภายในเดือนนี้ ทั้งประเด็นจำนวนเงินที่ชัดเจนที่ต้องมีการจ่ายชดเชยตามคำสั่งของศาล โดยขั้นตอนทั้งหมดจะดำเนินการเสร็จภายใน 90 วัน หรือ 3 เดือนหลังจากนี้ เพื่อให้เป็นไปตามกรอบของคำสั่งศาลที่กำหนดให้การจ่ายชดเชยให้เสร็จภายใน 180 วัน

นอกจากนี้ วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายนนี้ รฟท.จะมีการเจรจากับกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) ผู้ชนะการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเรื่องของแนวเส้นทางของโครงการ เพื่อเตรียมแผนการส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่ม CPH ใช้ดำเนินการก่อสร้าง และจะครอบคลุมถึงประเด็นปัญหาของเสาโฮปเวลล์ที่กีดขวางงานก่อสร้างของโครงการ และจำเป็นต้องทุบทิ้ง โดยจะต้องให้เกิดความชัดเจนว่าจะต้องมีการทุบทิ้งจำนวนกี่ต้นและใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 


ทั้งนี้ ยืนยันว่าเสาของโฮปเวลล์ที่กระทบต่อโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น จะเป็นพื้นที่ส่วนน้อย ซึ่งทั้ง รฟท. และกลุ่ม CPH สามารถทยอยส่งมอบพื้นที่ส่วนอื่นซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 80-90 % ของการไปดำเนินการก่อน  หากการเจรจากับโฮปเวลล์ได้ข้อยุติและการทุบเสาโฮปเวลล์ไม่กระทบกับการก่อสร้างในภาพรวม

ส่วนประเด็นที่ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกลุ่ม CPH ต้องการให้ รฟท.ส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดพร้อมกันโดยเร็ว รักษาการผู้ว่าฯ รฟท. ตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นกลุ่มซีพีก็สามารถเข้ามาช่วยให้การเจรจากับโฮปเวลล์ได้ข้อยุติเร็วขึ้น ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเจรจากัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเสาของโครงการโฮปเวลล์ที่คาดว่าจะเป็นอุปสรรคกีดขวางงานก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อยู่ในช่วงจากสนามบินดอนเมืองที่จะมุ่งหน้าไปมักกะสัน คาดว่าจะมีไม่มาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ระหว่างก่อนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต  ซึ่งในขณะนั้น บริษัท อิตาเลียน-ไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมางานก่อสร้างได้ดำเนินการทุบเสาโฮปเวลล์ ไปแล้วกว่า 400 ต้น จากทั้งหมดกว่า 500 ต้น โดยใช้งบประมาณประมาณ 200 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง