ชาวบ้านทอดแหหาปลาเจออาวุธสงครามเพียบ

ศรีสะเกษ 6 มิ.ย.-ชาวบ้านทอดแหหาปลา สะพานข้ามห้วยกมด อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ แต่ได้กระสุนปืนอาร์พีจี 41 ลูก-กระสุนปืนรวม 2,100 นัด



จากกรณีที่ เมื่อบ่ายวานนี้(5 มิถุนายน) เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า นายไสย ศรีลาชัย อายุ 55 ปี  ไปทอดแหหาปลา ที่บริเวณทางหลวงหมายเลข 24 ถนนสายโชคชัย-เดชอุดม ช่วงบริเวณสะพานข้ามห้วยกมด บ้านขนุนเหนือ หมู่ 15 ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ แต่กลับพบอาวุธสงครามเป็นกระสุนปืน พีจี 2 ใช้กับเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี จำนวน 21 นัด กระสุน รย. 40 มม. ใช้กับเครื่องยิง M 79 จำนวน70 นัด, แท่งดินขับส่งพีจี 2 จำนวน 1 กล่อง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดกระสุนปืนทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ขุขันธ์


วันนี้ พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงค์สมาน รอง ผบช.ภ. 3 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) ภ.จว.ศรีสะเกษ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กั้นน้ำในลำห้วยเหนือขึ้นไปและสูบน้ำออกจนแห้ง ได้พบกระสุนปืน PG 2 เพิ่ม 3 กระสอบ จำนวน 41 ลูก กระสุนปืนขนาด 7.62 มม.ใช้กับปืนอาร์ก้าอีก 3 กล่อง บรรจุกล่องละ 700 นัด รวม 2,100 นัด จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาร่วมตรวจสอบ และเจ้าหน้าที่ได้ให้ชาวบ้านนำแหมาทอดในลำห้วยที่ยังมีน้ำค้นหาต่อ เผื่อจะเจออาวุธสงครามหลงเหลืออยู่อีก หาจนทั่วแล้วก็ไม่พบเพิ่มเติมแต่อย่างใด

พล.ต.ต.พีระพงษ์ เปิดเผยว่า อาวุธสงครามที่พบนี้มีจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถด่วนสรุปได้ว่า อาวุธเหล่านี้ มีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร อาวุธมาจากไหน จะต้องให้ฝ่ายความมั่นคง ทั้ง ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองร่วมมือกันทำงาน ก็มีช่องทางที่จะต้องเช็กกันหลายด้าน ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ ในเรื่องของการข่าว อาวุธอาจจะมีคนที่มีไว้ในครอบครองเกรงว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบ จึงนำมาทิ้ง หรือกลุ่มผู้ค้าอาวุธอาจจะซุกซ่อนไว้เพื่อส่งขายต่อ หรือขณะลำเลียงผ่านเส้นทาง แต่มีจุดตรวจจุดสกัดสิ่งของผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่ จึงนำมาซุกซ่อนไว้ก็อาจจะเป็นไปได้ การสันนิษฐานหาต้นเหตุก็ต้องว่ากันไป ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป


ขณะที่บ่ายวันนี้ พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีสภาพใหม่ พร้อมใช้งาน จึงสั่งการให้พันตำรวจเอกกำธร อุ่ยเจริญ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 และหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ขยายการตรวจสอบโดยรอบคลองส่งน้ำรัศมี 200 เมตร เผื่อมีซุกซ่อนเพิ่มเติม พร้อมยอมรับ วัตถุระเบิดที่พบคล้ายคลึงกับอาวุธที่ยึดได้จากกลุ่มของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ช่วงการชุมนุมปี 2553 และ 2557 โดยอยู่ระหว่างสืบสวนว่า วัตถุระเบิดที่พบมีความเกี่ยวข้องทางการเมืองทั้งในประเทศและนอกประเทศหรือไม่ 

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง พร้อมดูแลความปลอดภัยประชาชนอย่างเต็มที่ ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง