นครพนม 1 พ.ค.-พยาบาลเข้าแจ้งความตำรวจนครพนม ถูกมิจฉาชีพแฮกไลน์-เฟซบุ๊ก หลอกยืมเงินคนสนิทกว่า 38 ราย ตำรวจเร่งรวบรวมหลักฐานล่าตัว
จากกรณีที่ น.ส.อรรจจิมา ศรีชนม์ หรือวงแหวน อายุ 53 ปี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าตึกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ และ wond center โรงพยาบาลนครพนม ได้แจ้งความเอาผิดกับมิจฉาชีพที่แฮกเฟซบุ๊กและไลน์หลอกยืมเงินคนรู้จักถึง 38 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.11 น. เพราะเพื่อนหลายคนทั้งในที่ทำงานและต่างจังหวัด ได้โทรศัพท์มาสอบถามตนว่ามีการทักไลน์เพื่อไปขอยืมเงินจำนวนหลักหมื่นถึงหลักแสน โดยมีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก
ล่าสุดวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 13.30 น. น.ส.อรรจจิมา หรือวงแหวน พยาบาลผู้ถูกแฮกไลน์ ได้ให้ปากคำเพิ่มเติมกับ ร.ต.อ.สิทธิชัย จันโทศิริ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม พร้อมนำเอกสารหลักฐานมาประกอบคดี และเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าห้องสอบสวนว่า หลังตกเป็นข่าวก็มีเพื่อนต่างสาขาอาชีพหลายคนโทรศัพท์มาสอบถามที่มาที่ไป ตนก็อธิบายว่าเพราะความที่ไม่เฉลียวใจ นึกว่าหลานมีปัญหาเรื่องเงินจริงๆ จึงโอนเงินไปให้รวม 20,000 บาท จำนวน 2 บัญชีธนาคาร คือ บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาภูเก็ต ชื่อบัญชี น.ส.นูรี งานแข็ง และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาภูเก็ต ชื่อนายดุสิต พ่วงบุญ เป็นเจ้าของบัญชี
น.ส.อรรจจิมา เผยรายละเอียดว่า เวลา 11.15 น. คนร้ายได้แฮกไลน์ของหลานสาวเข้ามาทักเพื่อขอยืมเงิน อ้างว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน ด้วยความห่วงใยจึงโอนไปให้ กระทั่งเวลา 12.11 น. ตนเข้าไลน์ตัวเองได้มาทราบภายหลังว่าเวลา 14.38 น. ของวันเดียวกัน คนร้ายได้แฮกไลน์ตนไปขอยืมเงินกับ น.ส.นภัทร อินทร์ติยะ หรือแหลม พยาบาลวิสัญญี โรงพยาบาลนครพนม และอีกหลายๆ คน เท่าที่ติดต่อได้มีแล้ว 38 คน
สิ่งที่น่าเศร้าใจที่สุดคือ คนร้ายได้ใช้ไลน์ตนขอยืมเงินกับ น.ส.พิมพ์ใจ ดีวงศ์ หรือเหมย จำนวนทั้งสิ้น 34,000 บาท ขณะกำลังจะพาคุณพ่อที่ป่วยด้วยโรคไตวายไปรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดอุดรธานี แต่เพราะตนเคยช่วยเหลือดูแลคุณพ่อของน้องเหมย ช่วงที่มาฟอกไตที่โรงพยาบาลนครพนม จึงมีความสนิทสนมกัน น้องเหมยเห็นว่าตนเดือดร้อนจึงยอมโอนเงินที่จะใช้ในการรักษาให้จนเกือบหมด มารู้ว่าตนถูกแฮกไลน์ น้องเหมยถึงกับเป็นลม เพราะไม่มีเงินพาพ่อไปรักษาต่อที่อุดรธานี เมื่อคุณพ่อทราบก็ช็อก ต้องรีบนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลนครพนม อาการยังน่าเป็นห่วง
นางสาวอรรจจิมา กล่าวอีกว่า ได้เช็กบัญชีของคนที่ชื่อนายดุสิต พ่วงบุญ และ น.ส.นูรี งานแข็ง ทราบว่า ทั้ง 2 บัญชีที่มีเงินรวมกว่า 7,000,000 บาท ได้โอนออกไปอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้จนเกลี้ยง โดยเฉพาะบัญชีของนายดุสิต มีเงินค้างบัญชีเพียง 6 บาทเท่านั้น เรื่องที่จะได้เงินคืนคงริบหรี่เต็มที.-สำนักข่าวไทย