ลอนดอน 26 เม.ย.- บริษัทวิเคราะห์เทคโนโลยีบล็อกเชนเผยว่า กลุ่มติดอาวุธของฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการระดมเงินผ่านบิทคอยน์ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลเข้ารหัสหรือคริปโตเคอเรนซียอดนิยมให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นจนยากจะแกะรอยได้
รอยเตอร์รายงานว่า กองพลน้อยอิซ เอลดีน อัลกัสซัมที่ถูกสหรัฐและสหภาพยุโรประบุให้เป็นกลุ่มต้องห้ามของฮามาสประกาศผ่านเว็บไซต์ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม ให้ผู้สนับสนุนบริจาคเงินเป็นบิทคอยน์เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลบัญชีเดียว แต่เอลลิปติก บริษัทในอังกฤษและสหรัฐที่อ้างตัวว่าตรวจสอบและป้องกันการก่ออาชญากรรมด้วยคริปโตเคอเรนซีพบว่า ช่วงหลายสัปดาห์มานี้กลุ่มนี้ได้ปรับเปลี่ยนวิธีใหม่ด้วยการให้เว็บไซต์สร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลใหม่ต่อการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง ทำให้ยากต่อการติดตามและสกัดกั้น ที่ผ่านมาทางการสามารถแจ้งให้เว็บไซต์ค้าคริปโตเคอเรนซีสกัดไม่ให้เงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลไหลไปยังผู้รับได้ แต่หากมีกระเป๋าใหม่ทุกธุรกรรมก็จะตามสกัดไม่ทัน
เอลลิปติกพบว่า ช่วงวันที่ 26 มีนาคม – 16 เมษายนมีการโอนบิทคอยน์ 0.6 หน่วย มูลค่า 3,300 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 105,660 บาท) เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลหลายใบที่เว็บไซต์สร้างขึ้นใหม่ คิดเป็นเกือบครึ่งของยอดรวม 7,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 236,939 บาท) นับจากกลุ่มนี้ประกาศเปิดรับเมื่อปลายเดือนมกราคม แม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของที่เงินอิสราเอลและสหรัฐระบุว่าฮามาสได้รับรายปีจำนวนมากจากอิหร่าน แต่เชื่อว่ากลุ่มนี้กำลังทดลองว่าวิธีการนี้ได้ผลหรือไม่
รอยเตอร์ระบุว่า ฮามาสกำลังประสบปัญหาทางการเงินตั้งแต่อียิปต์ปิดอุโมงค์หลายร้อยแห่งที่ลอดใต้พรมแดนกาซา-อียิปต์ในปี 2556 เพราะขาดรายได้จากการเก็บภาษีผู้ลอบค้าอาวุธและสินค้าผ่านอุโมงค์เหล่านี้ ขณะที่เงินสนับสนุนจากอิหร่านก็ลดลงตั้งแต่ฮามาสประนามการสังหารมุสลิมสุหนี่ในสงครามกลางเมืองซีเรียที่อิหร่านสนับสนุนรัฐบาลซีเรียอยู่ เงินบริจาคผ่านบิทคอยน์จึงอาจชดเชยได้ รอยเตอร์ระบุด้วยว่า ทางการหลายประเทศกังวลมานานแล้วเรื่องคริปโตเคอเรนซีจะถูกใช้สนับสนุนการก่อการร้ายและฟอกเงิน เพราะปกปิดตัวตนคนรับและคนโอน แต่สามารถทำได้ง่ายทางออนไลน์.- สำนักข่าวไทย