กรุงเทพฯ 24 เม.ย.-วันนี้คลุกข่าวเล่าประเด็น จะมาคุยต่อในเรื่องของค่าโง่ โฮปเวลล์ 12,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เรียกฝ่ายกฎหมายของการรถไฟฯ หารือแนวทางปฎิบัติข้อกฎหมาย ล่าสุดวันนี้คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม ได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี รับทราบในที่ประชุม ครม.
โดยภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นผลพวงจากการทำงานของรัฐบาลในอดีตที่เกิดขึ้นนานมากแล้ว รัฐบาลนี้จะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหา ซึ่งไม่เพียงแต่เรื่องนี้ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องคลองด่าน โดยกรณีของโฮปเวลล์ต้องรอความชัดเจนในรายละเอียดคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดก่อน จากนั้น เป็นหน้าที่ของหน่วยยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย จะต้องเร่งพิจารณาว่าจะมีผลอย่างไร และหาทางออกอย่างไร
นอกจากความเห็นของนายกรัฐมนตรีแล้ว ในวันนี้ ชยังมีประเด็นที่ถูกตั้งคำถามอีกมากมาย ท่ามกลางความมึนงงของสังคม กับมูลค่าค่าโง่ที่มหาศาล อาจถือว่าครั้งนี้ เป็นมูลค่าเงินที่ภาครัฐจะต้องจ่ายชดเชยให้แก่เอกชนในการแพ้คดีข้อพิพาท ที่มีมูลค่าสูงที่สุดที่เคยมีของไทย โดยเงินที่ต้องชดเชยบอกเลิกสัญญานี้ แน่นอนไม่ใช่แค่ 11,888 ล้านบาท เพราะเมื่อรวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี มูลค่าจะเปลี่ยนไป
มีการพูดถึงตัวเลข หากนับจากการที่รัฐบาลบอกเลิกสัญญาในปี 2540 ถึงปัจจุบันนี้จะรวมเป็น 22 ปี หากคิดดอกเบี้ยทบต้นรายปี 7.5% ต่อปี จะทำให้การรถไฟต้องจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 58,907 ล้านบาท หรือค่าเสียหายเฉพาะดอกเบี้ยสะสมถึง 46,907 ล้านบาท โดยหากดอกเบี้ยจ่ายต่อปีในปี 2562 อยู่ที่ระดับ 4,109 ล้านบาทต่อปีและจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆหากรฟท.ยังยืดเยื้อการจ่ายค่าเสียหายดังกล่าวออกไป ก็จะเป็นค่าเสียหายมากกว่า 100,000 ล้านบาทในปี 2570
เรื่องมูลค่าเงินที่ต้องจ่ายชดเชย ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เรื่องเหล่านี้ก่อนที่จะการรถไฟฯ จะไปเจรจากับโฮปเวลล์ เพื่อขอประนอมหนี้ หรือผ่อนชำระอะไรก่อนจะถึงกระบวนการนั้น การรถไฟจะต้องทราบก่อนว่ามูลค่าเงินที่ต้องจ่ายจะเป็นเท่าไหร่ โดยเชื่อว่าจะเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งในวันที่ 26 เม.ย.นี้ บอร์ดการรถไฟฯจะมีการประชุม เพื่อพิจารณาวาระเกี่ยวกับเรื่องโฮปเวลล์ ก่อนรายงานให้กระทรวงคมนาคมทราบ
ยังมีอีกหลายประเด็นที่ถูกกล่าวถึงในวันนี้ โดยคุณสาวิตต์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟฯ บอกว่า ประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องการเจรจากับโฮปเวลล์ เพื่อที่จะทำให้การต้องจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวน้อยที่สุด ซึ่งถือเป็นข้อต่อรองที่สำคัญ โดยคุณสาวิตต์กล่าวว่า เรื่องโครงการโฮปเวลล์นี้ ยังมีเรื่องที่การรถไฟเคยฟ้องเรีกร้องค่าเสียหายจากโฮปเวลล์ ประมาณ 200,000 ล้าน ในฐานะที่โฮปเวลล์รับงานโครงการนี้ แต่ทำการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ
โดยคุณสาวิต บอกว่าได้มีการสอบถามเรื่องคดีดังกล่าว ไปยังฝ่ายกฎหมายของการรถไฟฯ ระบุว่าว่า คดีก็อยู่ในชั้นอนุญาโตตุลาการ ดังนั้น จะต้องไปดูว่าจะใช้คดีดังกล่าว เป็นประโยชน์ในการเจรจาได้บ้าง อีกเรื่องที่สหภาพฯแรงงาน รฟท กล่าวถึงเรื่องการไล่เบี้ยผู้ที่ไปทำสัญญาเสียเปรียบกับเอกชนจนเปิดช่องให้สามารถฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายจากไทยได้ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองผู้บริหารการรถไฟในอดีต ซึ่งแม้ว่าหลายคนจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ต้องนำมาตีแผ่ให้สังคมทราบ และแม้ว่าจะไม่มีเงินชำระค่าโง่ แต่ก็สามารถนำตัวมารับโทษจำคุกได้
ทั้งนี้ประเด็นทางข้อกฎหมาย ที่ถูกตั้งข้อสังเกตุมากมาย คือ 1 การทำสัญญาที่ทำกับโฮปเวลล์ในขณะนั้น ที่ถือว่าเสียเปรียบอย่างมาก ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฎว่าโฮปเวลล์ ไม่สามารถก่อสร้างให้โครงการคืบหน้าตามอายุสัญญา แต่ไทยก็ไม่สามารถเลิกสัญญา 2 การต่อสู้ในชั้นอนุญาโตตุลาการภายหลัง ทำอย่างรอบคอบหรือไม่ ทำไมจึงแพ้คดี จนต้องไปจ่ายค่าโง่ในครั้งนี้ รวมถึงปัจจัยที่เป็นปัญหาของไทย ที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาโครงการขาดใหญ่ เพื่อนำแก้ปัญหาในปัจจุบันและอนาคต โดยกอดอนวูเจ้าของบริษัทโฮปเวลล์ ที่เป็นนักธุรกิจที่พัฒนาโครงการสำเร็จมามาก เคยระบุว่า การทำโครงการโฮปเวลล์ที่ล้มเหลว มาจากการที่ไทยขาดเสถียรภาพการเมือง มีการเปลี่ยนรัฐมนตรีคมนาคมแทบจะทุกปี .-สำนักข่าวไทย