กรุงเทพฯ 13 เม.ย.- พบแล้ว พ่อเลี้ยงโหด ใช้ฆ้อนทุบศรีษะลูกเลี้ยงสาวท้อง 7 เดือนเสียชีวิต หวังกินยาฆ่าแมลงหนีความผิด เจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลล้างท้องทัน
ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงโหด ใช้ฆ้อนทุบศรีษะลูกเลี้ยงสาวท้อง 7 เดือนเสียชีวิต จากเหตุไม่พอใจภรรยาที่หนีออกจากบ้านไป เพราะทนความหึงหวงไม่ไหว แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด เวลา ประมาณ 11.00 น. วันนี้ (13 เม.ย.)เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ให้การช่วยเหลือ นายภูมิใจ เหลืองทอง พ่อเลี้ยงโหด ที่พลเมืองดี พบว่ากินยาฆ่าแมลง จนหมดสติ นอนน้ำลายฟูมปาก บนถนนแฮปปี้แลนด์สาย 2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ ก่อนส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี
น.ส.พิศมัย หงษากัน อายุ 39 ปี แม่ค้าผู้พบนายภูมิใจคนแรกเล่าว่า ขณะกำลังทำอาหารอยู่ที่ร้าน เห็นคนนอนดิ้นตะกุยตะกายอยู่ จึงให้แฟนเข้าไปดู ก่อนโทรแจ้ง 191 เพราะเห็นว่ามีน้ำลายฟูมปากแล้ว ตอนนั้นยังพูดคุยรู้เรื่องถามเขาว่าเมาหรือไม่ เขาตอบว่า ไม่และบอกเพียงว่า ได้กินยาเบื่อหนู และได้ฆ่าลูกสาวมา
ต่อมาเวลา 12.00 น.ที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว ได้เดินทางมาตรวจสอบพร้อมเปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจากตำรวจ สน.ลาดพร้าว ว่าพบผู้ต้องหาตามหมายจับแล้ว โดยมีแม่ค้าขายอาหารที่บริเวณอู่รถเมล์สาย 2 แฮปปี้แลนด์ พบผู้ต้องหานอนสลบกินยาฆ่าตัวตาย จึงแจ้งกู้ภัยและตำรวจ จากนั้นได้ส่งตัวมาโรงพยาบาลนพรัตน์ฯ เพื่อรักษาตัว
ส่วนอาการของนายภูมิใจขณะนี้ อยู่ในความดูแลรักษาของแพทย์ ทราบว่ายังมีสติอยู่ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หากผู้ต้องหารักษาตัวจนดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาลได้ ตำรวจก็จะควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.สิงห์ เปิดเผยต่อว่า ทางพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5) ต้องระวางโทษประหารชีวิต เพราะพบพฤติกรรมของผู้ต้องหาจากการตรวจพิสูจน์หลักฐานพบมีร่องรอยการทำร้ายบริเวณท้อง ลำตัว และศีรษะ กับหญิงที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ ทั้งนี้ตั้งแต่วันแรกที่ทำคดีตำรวจเข้าใจความรู้สึกของญาติผู้เสียชีวิต ที่สูญเสียและมีความโกรธแค้นได้มาที่โรงพยาบาลกันหลายคน จึงอยากฝากไปถึงญาติว่าผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายแล้ว อย่ากระทำการใดทั้งการบุกเข้ามาในโรงพยาบาลหรือการทำร้ายผู้ต้องหา เพราะไม่เช่นนั้นเราอาจจะถูกดำเนินคดีเสียเอง ได้สั่งกำชับแล้วขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ได้จัดกำลังตำรวจไว้ที่โรงพยาบาลเพื่อป้องกันผู้ต้องหาหลบหนีและดูแลความเรียบร้อย.-สำนักข่าวไทย