กรุงเทพฯ 1 เม.ย. – กรมชลประทานคุมเข้มคุณภาพน้ำแม่น้ำสายหลัก เฝ้าระวังเป็นพิเศษหวั่นความเค็มกระทบพื้นที่การเกษตร พร้อมรับมือเอลนิโญที่จะทำให้ฤดูแล้งยาวนาน เตรียมพร้อมเครื่องมือ-เครื่องจักร ช่วยพื้นที่ขาดแคลนน้ำ
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ในช่วงฤดูแล้งนี้ได้กำหนดมาตรการควบคุมความเค็มในแม่น้ำสายสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง-ปราจีนบุรี และแม่น้ำเพชรบุรี โดยได้บริหารจัดการน้ำให้สัมพันธ์กับการขึ้นลงของน้ำทะเล พร้อมควบคุมการเปิดปิดประตูระบายน้ำตามคลองต่าง ๆ ไม่ให้น้ำเค็มไหลเข้าพื้นที่การเกษตร ตรวจวัดค่าความเค็มที่จุดเฝ้าระวังและจุดควบคุมเป็นรายชั่วโมงจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูแล้ง ปัจจุบันยังไม่พบปัญหาคุณภาพน้ำเปลี่ยนแปลง
อธิบดีกรมชลประทาน ยืนยันว่าในพื้นที่เขตชลประทานจะไม่ขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน แม้จะเกิดปรากฏการณ์เอลนิโญ่ที่ส่งผลให้ฤดูแล้งยาวนานกว่าปกติก็ตาม เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่จัดสรรอย่างเพียงพอไปจนถึงเดือนพฤษภาคม 2562 และสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน แต่ขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้งดทำนาปรับรอบ 2 เพื่อลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำในอนาคต
สำหรับพื้นที่นอกเขตชลประทาน จากการวิเคราะห์ของสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค 7 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชัยภูมิ เชียงใหม่ นครราชสีมา นครสวรรค์ ราชบุรี และเลย และพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรรวม 18 จังหวัด เช่น อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และขอนแก่น เป็นต้น ซึ่งกรมชลประทานได้วางมาตรการเตรียมความพร้อมและแนวทางช่วยเหลือ โดยใช้ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำแต่ละภูมิภาคทั้งในและนอกเขตชลประทานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละพื้นที่อาจได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป เช่น ภาคเหนือ คอยเฝ้าระวังเรื่องการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ภาคกลางเฝ้าระวังด้านรักษาระบบนิเวศและป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำ ภาคตะวันออกเฝ้าระวังเรื่องน้ำที่ใช้รักษาระบบนิเวศ อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว
“กรมชลประทานเตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถขุด เรือขุด รถบรรทุกน้ำ และอื่น ๆ รวม 4,850 หน่วย ลงไปกระจายอยู่ที่ศูนย์เครื่องจักรกลทั่วประเทศทั้ง 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี และสงขลา พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตามพื้นที่ประสบภัย เพื่อสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที หากเกิดภาวะขาดแคลนน้ำพร้อมกับเน้นย้ำโครงการชลประทานทั่วประเทศให้บูรณาการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนแก้ไขภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ไว้ด้วย” อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว.-สำนักข่าวไทย