fbpx

รู้ที่มาที่ไป รถตู้ 2 คันของ รร.เตรียมอุดมฯแล้ว

สำนักข่าวไทย 22 มี.ค.-รอง ผอ.สพม.1 เผยความคืบหน้าสืบข้อท็จจริงปมรถตู้ รร.เตรียมอุดม ทราบที่มาที่ไปของทั้ง 2 คันแล้ว พร้อมศึกษาข้อกฎหมายเอาผิดย้อนหลัง ด้าน รมว.ศธ.ย้ำเอาผิดได้แน่นอน


นายธนารัชต์ สมคเณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยม ศึกษา เขต 1(สพม.1)กรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสือข้อเท็จจริงกรณีมีผู้บริจาครถตู้ 2 คัน ให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและจอดทิ้งไว้ในโรงรถเป็นเวลา 2 ปี แต่ทางโรงเรียนไม่กล้านำไปใช้ เพราะไม่มีทะเบียนและมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจ จะเป็นการบริจาคเพื่อแลกที่นั่งเรียน ว่า ตอนนี้สืบทราบข้อมูลเพิ่มเติมรู้ที่มาที่ไปของรถทั้ง 2 คันแล้ว ซึ่งทั้ง 2 คันมีการตกลงกันในช่วงที่มีการรับนักเรียน 


รอง ผอ.สพม.1กล่าวต่อว่า คันแรกมีผู้ซื้อรายเดียว ทราบเบื้องต้นว่าที่มาที่ไปไม่ได้มาจากในประเทศ แต่รอข้อมูลที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนอีกคันมีผู้ซื้อหลายคนรวมเงินกัน โดยใช้ชื่อของบุคลากรในโรงเรียนคนหนึ่ง และปรากฎภาพถ่ายที่ขณะมอบเงินระหว่างสมาคมผู้ปกครองและผอ.โรงเรียนซึ่งคันนี้เป็นรถไม่มีทะเบียนที่มีคนขับรถตู้มาจอดและทิ้งกุญแจไว้ที่ รปภ.แต่มาจากในประเทศ ซึ่งทั้ง 2 คันไม่มีใบซื้อขาย ตนเตรียมประสานไปยังกรมการขนส่งทางบก เพื่อสืบทราบที่มาที่ไปของรถต่อไป 


ขณะเดียวกันได้มอบให้นิติกรศึกษาข้อกฎหมายว่าสามารถเอาผิดย้อนหลังได้หรือไม่ และจะได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง 

ด้าน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)  ยังไม่รายงานผลการสืบข้อเท็จจริงมาให้ทราบ ซึ่งขอให้ทุกฝ่ายดำเนินงานไปตามขั้นตอน และเรื่องนี้ไม่อยากไปล้วง หรือไม่เข้าไปเจาะจงเฉพาะโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง เพราะอาจจะดูไม่ดี อีกทั้งช่วงนี้เป็นช่วงหาเสียงและใกล้เลือกตั้ง ตนไม่อยากให้ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองไป 

ส่วนการสอบข้อเท็จจริงอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษานั้น รมว.ศึกษาฯ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นการสอบข้อเท็จจริง ในประเด็นรถตู้หรือประเด็นทุจริตอื่นๆ แค่ทราบจากการรายงานเป็นระยะว่าอดีตผู้อำนวยการเตรียมอุดมนั้น มีปัญหา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องใด อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าว สพฐ.และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต1 กรุงเทพมหานคร สามารถดำเนินการตามตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงได้ตามขั้นตอน ไม่จำเป็นต้องรายงานให้ตนทราบ 

ส่วนประเด็นรถตู้หากพบว่ามีมูลจริงจะสามารถเอาผิดได้กับผู้อำนวยการคนก่อนที่เกษียณอายุราชการไปแล้วได้หรือไม่นั้น นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า แม้อดีตผู้อำนวยการจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว จะโดนโทษทางวินัยแน่นอน ไม่ต้องห่วง เพราะตามมติคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบการกำหนดมาตรฐานวินัยข้าราชการกับผู้ที่พ้นข้าราชการ ซึ่งหมายถึงการเอาผิดในสมัยที่ยังรับราชการอยู่ แต่พ้นราชการ ลาออกหรือเกษียณอายุราชการแล้วไม่สามารถเอาผิดได้ โดยมีมาตรฐาน 2 หลักเกณฑ์ คือ 1.ถ้ามีการดำเนินการกระทำผิดสมัยรับราชการ แล้วคณะกรรมการป้องกันปราบ ปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)ชี้มูลความผิดทางวินัยและลงโทษตามที่ชี้มูล โดยจะไม่นำกฎหมายที่ข้าราชการผู้นั้นสังกัดอยู่มาบังคับใช้ 

และ 2.หากเป็นเรื่องที่หน่วยงานต้นสังกัดตรวจพบว่าข้าราชการในสังกัดทำความผิดในสมัยที่ยังรับราชการ กำหนดวิธีการปฏิบัติ คือ1.ให้สอบสวนภายใน 1 ปีนับตั้งแต่พ้นราชการ นอกจากนี้การสั่งลงโทษ ต้องสั่งลงโทษภายใน 3 ปีนับตั้งแต่พ้นราชการ ดังนั้นไม่ต้องห่วง ยิ่งเรื่องแป๊ะเจี๊ยะ ตนทราบว่า ป.ป.ช.นั้นเอาจริงเอาจังเพราะรู้ว่าทำเรื่องไหนแล้วประชาชนสนใจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้