หนุนเอกชนร่วมเดินหน้าประหยัดพลังงานต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ 6 ธ.ค. – รัฐบาลส่งเสริมเอกชนร่วมลดใช้พลังงานต่อเนื่อง ตามเป้าหมายอีก 20 ปีข้างหน้าเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนเป็นร้อยละ  30  ของการใช้พลังงานทั้งหมด


พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสเป็นประธานการมอบรางวัลจัดงานมอบรางวัล Thailand Energy Awards ประจำปี 2559 ว่า รางวัลนี้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ทุกหน่วยงาน เห็นถึงศักยภาพและคุณภาพของหน่วยงานในการคิดค้นรูปแบบ วิธีการ นวัตกรรม เทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงานควบคู่ไปกับการแสวงหา และพัฒนาแหล่งที่มีอยู่ในประเทศอย่างพลังงานทดแทนมาใช้ให้เกิดประโยชน์  ซึ่งสอดรับกับนโยบายของภาครัฐได้เป็นอย่างดี ซึ่งหน่วยงานที่ได้รับรางวัลจะเป็นหน่วยงานต้นแบบของการประกอบกิจการที่ดีสำหรับผู้ประกอบการอื่น ๆ เพื่อนำไปปรับใช้อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

สำหรับรางวัล Thailand Energy Awards ประจำปี 2559  มีผลงานที่ชนะการประกวด 64 โครงการ จากผลงานเข้าร่วมประกวด 260 โครงการ  คิดเป็นมูลค่าการประหยัดพลังงานได้มากกว่า 2,200 ล้านบาทต่อปี สามารถช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับโลกได้มากถึง 280,000 ตันต่อปี


พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  กล่าวว่า กระทรวงพลังงานตั้งเป้าหมายภายในปี 2579 หรือ 20 ปีข้างหน้าผลักดันการใช้พลังงานทดแทนภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ  30 จากการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศ ภายใต้แผนบูรณาการพลังงานระยะยาว หรือ Thailand Integrated Energy Blueprint (TIEB)  ที่มุ่งเน้นการดำเนินงานที่สำคัญ 3 ด้าน ประกอบด้วย พลังงานมั่นคง เศรษฐกิจมั่นคั่ง และสังคมไทยยั่งยืน

รมว.พลังงาน  กล่าวด้วยว่า การจัดประกวด Thailand Energy Awards  ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้การดำเนินนโยบายด้านพลังงานในระยะยาวมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น  อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการคิดค้นวิธีการประหยัดพลังงาน เกิดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการประหยัดพลังงานที่มีความหลากหลายมากขึ้น
ตัวอย่างพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น  ซึ่งสามารถพิสูจน์ความสำเร็จได้จากการที่ประเทศไทยครองแชมป์ความเป็นผู้นำด้านพลังงานของภูมิภาคอาเซียนติดต่อกันเป็นปีที่ 12 ด้วยการคว้า 16 รางวัล ASEAN Energy Awards 2016 ณ กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์  แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและศักยภาพด้านการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศไทยตอกย้ำภารกิจการดำเนินนโยบายด้านพลังงานไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง  ยั่งยืน ในทุกมิติสอดรับกับถ้อยแถลงของรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่จะขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนสู่ภูมิภาคพลังงานสะอาด  และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Towards Greener Community with Cleaner Energy.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง