สจล.15 ม.ค.-สจล.เสนอรัฐเอาจริงลงพื้นที่คุมเข้มบังคับใช้กฎหมาย สกัดจับรถควันดำบนท้องถนน จับตาเขตพื้นที่ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานไร้การป้องกัน กวดขันทุกความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมลพิษ พร้อมเตือนประชาชนหยุดกิจกรรมในโล่งแจ้งเป็นเวลานาน หมั่นเปลี่ยนหน้ากากอนามัยN95 ไม่ใช้ซ้ำ ดึง WMApp ติดตามแนวโน้มเกิด ฝน-ลมแรงพื้นที่วิกฤต 16–17 ม.ค.นี้ หวังช่วยบรรเทาสถานการณ์ได้
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงในขณะนี้ มีสาเหตุจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์และการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นฝุ่นละอองที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งถูกปล่อยจากเผาไหม้ของเครื่องยนต์และการก่อสร้าง เช่น ควันจากท่อไอเสียรถ การจราจรขนส่ง รวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในงานก่อสร้าง เป็นต้น โดยปัญหานี้เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง จนกระทั่งลุกลามถึงขั้นวิกฤติ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตของประชาชน จึงจำเป็นต้องหาทางออกอย่างเร่งด่วน เพื่อคืนอากาศสะอาดคืนสู่สิ่งแวดล้อมโดยเร็วที่สุด
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กPM 2.5 1.ขอความร่วมมือผู้ประกอบการที่ดูแลโครงการก่อสร้างต่างๆให้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย และส่งผลกระทบต่อชุมชนในบริเวณโดยรอบน้อยที่สุด เช่น มีตาข่ายกันพื้นที่ก่อสร้างเพื่อดักจับฝุ่นละออง
2. เสนอให้กรุงเทพมหานครจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบการทำงานตามพื้นที่ก่อสร้างต่างๆ ควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศให้ตามที่กฎหมายกำหนด และดำเนินการลงโทษแก่ผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด
3.เพิ่มมาตรการคัดกรองรถที่วิ่งบนท้องถนน โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดกวดขันกับรถปล่อยมลพิษควันดำระหว่างการขับขี่
ขณะที่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ประสบปัญหาฝุ่นละอองสามารถป้องกันตนเองได้จากการสวมหน้ากากอนามัยชนิด N95 ที่มีประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นละอองPM2.5 ได้ ควรหมั่นเปลี่ยนชิ้นใหม่ทุกวัน โดยไม่ควรใช้ซ้ำติดกันนาน หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในโรงเรียนต่างๆ ควรประกาศให้ยกเลิกกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภท เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ
ส่วนแนวคิดที่รอให้ฝนตกช่วยชะล้างปริมาณฝุ่นละอองชนิดนี้ อาจไม่ใช่ทางเลือกทีดีที่สุดเพราะฝนสามารถกำจัดได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจาก PM 2.5 มีอนุภาคเล็กกว่าชนิด PM 10 ที่เกิดจากการเผาป่า หรือปฏิกูลเหลือทิ้งจากการเกษตร จึงต้องอาศัยการแก้ที่ต้นเหตุควบคู่กันจึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ด้านนายชินวัชร์ สุรัสวดี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล.ผู้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรม WMApp เปิดเผยว่า จากการพยากรณ์ผ่านแอปพลิเคชั่นพยากรณ์อากาศความละเอียดสูงสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป “WMApp” ที่ทำการวัด ความเร็วและทิศทางลม และความสูงของคลื่น ผ่านมาตราลมโบฟอร์ต (Beaufort Scale) พบว่าในช่วงนี้อากาศสงบ ความเร็วลมน้อยกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สภาพอากาศปิด ส่งผลให้ควันไม่ลอยตัวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เกิดการสะสมของฝุ่นละอองในอากาศ เมื่อฝุ่นที่เล็กมากจนมองไม่เห็นรวมตัวกันจึงคล้ายกลุ่มหมอกสีน้ำตาล จนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
สำหรับฝนที่ตกในพื้นที่กรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง ช่วงเช้าวันนี้ (15 ม.ค.)เป็นฝนที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งมีปริมาณเล็กน้อย ยังไม่เกิดจากการทำฝนเทียม เนื่องจากการสร้างฝนเทียมในสภาวะอากาศเช่นนี้ มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ หรือการสร้างเมฆให้เกิดฝนนั้น ต้องเริ่มจากการสภาวะของบรรยากาศที่มีความเหมาะสมในการเกิดเมฆอยู่ก่อนจึงจะสามารถสร้างฝนเทียมได้
ส่วนในช่วงประมาณวันที่16–17ม.ค.นี้จะมีลมที่มาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ลดลงได้ โดยแนะประชาชนป้องกันตนเองได้จากฝุ่นละอองเพื่อรอสถานการณ์คลี่คลาย .-สำนักข่าวไทย