กรุงเทพฯ 15 ม.ค. – ธนาคารกรุงไทยคาดเศรษฐกิจไทยปี 62 โตร้อยละ 4.1 หลังความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น พร้อมยกระดับความปลอดภัยนำเทคโนโลยีติดตั้งเครื่องตรวจสอบบัตรประชาชนทั่วประเทศ
นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า Krungthai Macro Research คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตร้อยละ 4.1 ชะลอตัวลงเล็กน้อยจาก ร้อยละ 4.3% ในปีก่อน ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเปลี่ยนจากการส่งออกและการท่องเที่ยว เป็นการลงทุนเอกชนและภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นในช่วงหลังของปีจากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี รวมทั้งการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้ มาตรการดูแลเศรษฐกิจฐานรากของภาครัฐจะช่วยเสริมกำลังซื้อของภาคครัวเรือนด้วย
Krungthai Macro Research ประเมินความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ความเสี่ยงจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นยังมีอยู่ ตลอดจนการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าภาคการผลิตจะชะลอตัวถึงไตรมาส 1 ปี 2562 เป็นอย่างน้อย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยได้
นายกิตติพงษ์ เรือนทิพย์ รองผู้อำนวยการฝ่าย สายงาน Global Business Development and Strategy กล่าวว่า ปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง สู่ระดับร้อยละ 2 การบังคับใช้มาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เดือนเมษายน และการหมดอายุของสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวม LTF เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโตได้ดี แต่ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับภาคธุรกิจ Krungthai Macro Research แนะนำให้ภาคธุรกิจให้ความสำคัญการบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องของสภาพคล่องทางการเงินในภาวะที่กำลังซื้อจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น นอกจากนี้ หลายธุรกิจจะพบกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี จึงจำเป็นต้องมีแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคของ technological disruption อีกด้วย
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขอให้ลูกค้าธนาคารกรุงไทยมั่นใจในระบบงานของธนาคารและความปลอดภัย โดยล่าสุดได้ทยอยติดตั้งเครื่องตรวจสอบบัตรประชาชนอิเล็คทรอนิกส์หน้าเคาน์เตอร์สาขา โดยปูพรมทั่วทุกสาขาในกรุงเทพฯ 100 % แล้ว คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะพร้อมให้บริการครบทุกสาขาทั่วประเทศ รวมทั้งเตรียมนำระบบสแกนใบหน้ามาใช้เพิ่มเติมจากการติดกล้อง CCTV เดิม ส่วนพนักงานสาขาปาย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ทุจริตกับลูกค้า 10 ราย ยอดเงิน 5 ล้านบาท ได้ถูกไล่ออกและย้ายผู้จัดการสาขา รวมทั้งผู้จัดการสำนักงานเขตออกจากพื้นที่ไปประจำที่สำนักงานภาคแล้ว ส่วนกรณีที่สาขาห้วยยอด จ.ตรัง เป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งลูกค้าถูกหลานสาวนำสมุดบัญชีเงินฝากของตนเองไปเบิกเงินที่ธนาคาร โดยใช้เอกสารปลอม ล่าสุดลูกค้าได้แจ้งความคดีอาญากับหลานสาวของตนเองแล้วเมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 มกราคม 2562 และธนาคารได้ปรับบัญชีลูกค้าให้ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว.-สำนักข่าวไทย