ยูเออี 9 ม.ค.- สมาคมฟุตบอลตั้ง 4 คุณสมบัติ โค้ชทีมชาติไทยคนใหม่ พร้อมอัดฉีด ลูกละ 5 ล้านบาท หากไทยชนะบาห์เรน วันพรุ่งนี้
หลังจากทีม “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้แถลงการณ์ปลด มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทยชาวเซอร์เบีย หลังที่ทีม “ช้างศึก” พ่าย อินเดีย 1-4 ในฟุตบอลเอเชียนคัพ 2019 นัดแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่ไทยแพ้อินเดีย ซึ่งดัน “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ขึ้นเป็นกุนซือขัดตาทัพ และให้ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ เป็นผู้ช่วยโค้ช และต้องลุ้นว่าสมาคมจะหาใครมาแทนราเยวัช
แต่เมื่อเย็นวานนี้ตามเวลายูเออี ที่ช้ากว่าเมืองไทย 3 ชั่วโมง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ไปให้กำลังใจนักเตะช้างศึก และดูการฝึกซ้อม ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวครั้งแรก หลังจากที่ทีมชาติไทย แพ้ อินเดีย 1-4 และปลดมิโลวาน ราเยวัช ออกจากตำแหน่ง ดูมีสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น ไม่เหมือนกับหลังเกมที่แพ้อินเดีย ว่าขอกราบอภัยแฟนบอลชาวไทย ที่ผลงานทีมชาติไทยออกมาไม่ดี ทำให้แฟนบอลชาวไทยผิดหวัง แต่ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้พยายามดีที่สุดแล้ว การสรรหา หรือการเลือกโค้ชมาทำหน้าที่ ก็หวังว่าโค้ชคนนั้นจะสร้างผลงานได้ดี สมาคมก็เพียงศึกษาจากโปรไฟล์ผลงานของเขา แต่ถ้าอยู่ไปแล้วผลงานไม่ดีก็ต้องเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงโค้ชเกิดขึ้นจากข้อตกลงสัญญาที่มีต่อกันว่า ถ้าผลการแข่งขันออกมาไม่ดีก็จะเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เกิดขึ้นจากเพราะความขัดแย้งหรือความขุ่นข้องหมองใจแต่อย่างใด
โดยสมาคมมี 4 หลักเกณฑ์คุณสมบัติของโค้ชทีมชาติไทยคนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่แทนราเยวัช มี 4 ข้อ ประกอบด้วย
1.จะเป็นใครก็ได้ คนไทยหรือต่างชาติก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่พร้อมหรือเต็มใจมาทำงาน
2.คนนั้นต้องบรรลุข้อตกลง หรือยอมรับในเงื่อนไขกติกาของสมาคม พูดง่ายๆ ว่าต้องยินยอมพร้อมใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่มีการผิดใจกัน
3.ต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นไปตามความต้องการของสมาคมฯ
4. ข้อสุดท้ายเรื่องสำคัญที่สุด คือเรื่องค่าจ้าง ที่ไม่แพงเกินไป
นอกจากนี้มีกระแสข่าววงในว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องบอลไทย แพ้ อินเดีย และ มีโอกาสตกรอบเอเชียนคัพ 2019 นั้น นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องลาออกจากตำแหน่งแต่อย่างใด โดยเรื่องนี้นายจิรัฏฐ์ จันทะเสน อุปนายกสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ผลการแข่งขันทีมชาติทั่วโลกหากทำได้ไม่ดี ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยส่งผลถึงผู้บริหารสมาคมฯ หรืออย่างในไทย มีคนเดียวที่ลาออกจากตำแหน่งนายก ก่อนครบวาระ เป็น อาจารย์วิจิตร เกตุแก้ว แต่ที่ลาออกไม่ใช่เพราะผลงานทีมไทยไม่ดี แต่เกิดจาก เรื่องการบริหารงาน
ส่วนบรรยากาศในการฝึกซ้อมทีมชาติไทย “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย กุนซือชั่วคราว กับ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน นำนักเตะลงฝึกซ้อมที่สนามอัล วาซอล นครดูไบ เป็นวันที่ 2 เมื่อเย็นวานนี้ หลังจากได้เดินทางมาจากอาบูดาบี เพื่อเตรียมตัวลงสนาม รอบแรก นัดที่ 2 พบกับ บาห์เรน วันที่ 10 มกราคมนี้ โดยการฝึกซ้อมได้เน้นในเรื่องแท็กติก และปรับจูนระบบรวมถึงความเข้าใจแต่ละตำแหน่ง ซึ่งใช้เวลาการฝึกซ้อม 2 ชั่วโมง และวันนี้จะลงฝึกซ้อมต่อเนื่องในช่วงค่ำตามเวลาเมืองไทย
ขณะที่บรรยากาศหลังการฝึกซ้อมเมื่อวานนี้ถือว่าเป็นไปอย่างคึกคักและผ่อนคลาย ซึ่งในช่วงนักเตะกำลังนอนยืดเส้นอยู่ ธีราทร บุญมาทัน นักเตะรุ่นพี่ ได้แกล้ง “เจ้าพี” ศศลักษณ์ ไหประโคน นักเตะรุ่นน้อง ด้วยการใช้ไข่ไก่ตอกใส่ศรีษะ “เจ้าพี” พร้อมบอกว่าแฮปปี้เบิร์ธเดย์ เนื่องจากเมื่อวานนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 23 ปี ของศศลักษณ์ แต่อดิศร พรหมรักษ์ กลับโดนผลพ่วงไปด้วย
แค่นั้นยังไม่พอ พอเข้าให้แต่งตัว ศศลักษณ์ ยังโดนนักเตะรุ่นพี่หยอกล้อ ด้วยการใช้แป้งโรยตัว รวมถึงไข่ไก่ด้วย ทำให้บรรยากาศในแคมป์ทีมชาติไทยคึกคักและสนุกสนาม ผ่อนคลายก่อนที่จะพบกับบาห์เรนในวันพรุ่งนี้
ซึ่งมีรายงานข่าวที่ยูเออี อีกว่า สมาคมฯ ได้ผู้สนับสนุน เข้ามาช่วยพร้อมอัดฉีด สร้างขวัญกำลังใจให้กับนักเตะทีมช้างศึกในวันพรุ่งนี้ด้วย หากทีมไทยชนะจะให้ผลต่างลูกละ 5 ล้านบาท อาทิ ชนะ 2-1 ผลต่าง 1 จะได้ 5 ล้านบาท แต่ถ้าชนะ 2-0 จะได้ 10 ล้าน 3-0 ได้ 15 ล้านบาท เพื่อเป็นการปลุกขวัญ
สำหรับสถิติที่ผ่านมาในทีมชุดใหญ่ไทยกับบาห์เรน เคยพบกันมา 10 ครั้ง ไทย ชนะ 2 ครั้ง เสมอ 6 ครั้ง แพ้ 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดที่พบกันในเกมกระชับมิตรที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน เสมอกันไป 1-1 โดยใน 3 เกมหลังสุดที่พบกันทีมไทยไม่แพ้ บาห์เรน สามารถเอาชนะ 1 ครั้ง เสมอ 2 ครั้ง.-สำนักข่าวไทย