กรุงเทพฯ 4ก.ย.-รัฐบาลเชิญชวนผู้สูงวัยสมัครสมาชิก กอช.โค้งสุดท้าย ก่อนหมดสิทธิ 25 ก.ย.นี้ จูงใจออม 1,200 บาท รับเพิ่ม 1,200 บาท/ปี นาน 10 ปี เร่งทุกหน่วยงานรัฐช่วยบอกข่าว รักษาสิทธิพึงมีพึงได้ของประชาชน
พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 ก.ย.59 นี้ จะครบ 1 ปีของการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้ จากปกติจะรับสมัครเฉพาะผู้ที่มีอายุ 15 – 60 ปีเท่านั้น โดยเงื่อนไขนี้ยังรวมไปถึงผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ที่สมัครสมาชิกกองทุนฯ ภายใน 25 ก.ย.59 และจะได้เป็นสมาชิกต่อไปอีก 10 ปี นับจากอายุตัวในวันสมัคร ดังนั้นรัฐบาลขอเชิญชวนผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รีบสมัครเป็นสมาชิกกองทุนฯ จนถึงวันที่ 25 ก.ย.นี้ เพราะหากพ้นกำหนดไปแล้ว จะไม่สามารถสมัครสมาชิกกองทุนฯ ได้อีก ส่วนเงื่อนไขที่ให้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปออมได้ 10 ปี ก็จะสิ้นสุดลงด้วย นั่นคือสมาชิกจะมีสิทธิออมเงินได้ถึงอายุ 60 ปีเท่านั้น
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้กองทุนการออมแห่งชาติ ธ.กรุงไทย ธ.ออมสิน และธกส. ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารไปยังพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด เพราะถือเป็นสิทธิอันพึงมีพึงได้ที่ทุกคนควรได้รับรวมทั้งขอให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยทุกระดับ ที่ทำงานใกล้ชิดประชาชน ช่วยสื่อสารข้อมูลออกไปด้วย โดยไม่จำเป็นต้องเจาะจงเพียงแค่ผู้สูงอายุเท่านั้น เพราะทุกคนสามารถนำไปบอกต่อ หรือพาผู้สูงอายุไปสมัครสมาชิกกองทุนฯ ได้โดยผลประโยชน์ที่สมาชิกกองทุนฯ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปจะได้รับ คือ เงินสมทบที่รัฐบาลจะจ่ายเข้าบัญชีให้เท่ากับจำนวนเงินที่สมาชิกออมเข้ากองทุน แต่ไม่เกินปีละ 1,200 บาท หรือฝาก 1,200 บาท ได้เพิ่มอีก 1,200 บาทต่อปี และยังมีผลตอบแทนที่กองทุนฯ ได้นำเงินสะสมและเงินสมทบไปลงทุนหาดอกผลให้กับสมาชิกเพิ่มเติมด้วย
ส่วนการขอรับเงินคืนนั้นพลตรีสรรเสริญกล่าวว่าขึ้นอยู่กับความสมัครใจของสมาชิก คือ ผู้ใดที่ออมครบ 10 ปี ๆ ละ 13,200 บาทตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ก็จะได้รับบำนาญตลอดชีพทุกเดือน แม้ว่าเงินออมหมด แต่กองทุนก็ยังจ่ายให้อยู่ ส่วนผู้ใดที่ไม่ต้องการออมถึง 10 ปี จะขอรับเงินคืนเมื่อใดก็ได้ โดยกองทุนจะทยอยจ่ายคืนให้ทุกเดือนจนกว่าเงินออมจะหมด และหากสมาชิกเสียชีวิต ทายาทก็จะได้รับเงินก้อนที่เหลืออยู่ในบัญชีทั้งหมด
พลตรี สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ยอดผู้สมัครสมาชิกกองทุนฯ จนถึงวันที่ 31 ก.ค.59 มีจำนวนทั้งสิ้น 437,501 ราย มียอดเงินกองทุน 1,313 ล้านบาท โดยสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร รองลงมาคือ ค้าขาย นักเรียนนักศึกษา และอื่น ๆ และในจำนวนนี้เป็นสมาชิกที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปร้อยละ 46 หรือราว 201,000 ราย
ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถสมัครสมาชิกกองทุนฯ ได้ที่ ธ.กรุงไทย ธ.ออมสิน และ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ สายด่วนเงินออม 02017 0789 กด 0 ในวันและเวลาทำการ.-สำนักข่าวไทย