เร่งแก้ปัญหาผู้สูงวัยไทย ไม่มีเงินเก็บ

กรุงเทพฯ 7 ต.ค. -รัฐ-เอกชน ร่วมแก้ปํญหา สังคมสูงวัยไทย ไร้เงินออม โดยพบผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้หลังเกษียณมีสัดส่วนถึง 21.1% และ 30% ไม่มีเงินเก็บเพื่อการเกษียณ


นายวิโรจน์ ตั้งเจริญ นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย (Thai Financial Planners Association – TFPA) เปิดเผยว่า ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) แล้วในปี 2567-2568 เนื่องจากมีสัดส่วนประชากรสูงอายุ (ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป) 20% ของประชากรทั้งหมด และพบว่าผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้หลังเกษียณมีสัดส่วนถึง 21.1% และมีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี 84.2% สอดคล้องกับผลสำรวจจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าคนไทย 30% ไม่มีเงินเก็บเพื่อการเกษียณ และ 60% มีเงินเก็บไม่ถึง 200,000 บาท จากแนวคิดที่ยังไม่ตระหนักถึงการออมเงินไว้ใช้จ่ายในอนาคต หรือขาดความรู้ในเรื่องการวางแผนการเงินและการลงทุน รวมถึงขาดวินัยทางการออม หากไม่เปลี่ยนพฤติกรรมอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย จึงได้ร่วมกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดการอบรม Workshop การวางแผนการเงินสำหรับ 3 กลุ่มอาชีพ ได้แก่ “ข้าราชการ” “อาชีพอิสระ” และ “พนักงานประจำ” เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนการเงินในแต่ละอาชีพ เช่น การวางแผนภาษี การวางแผนประกัน เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วมจาก 3 กลุ่มอาชีพ อายุ 20-60 ปี รวม 145 คน โดย “กลุ่มอาชีพพนักงานประจำ” นักวางแผนการเงิน CFP มีคำแนะนำเพื่อเตรียมตัวเกษียณ ได้แก่
1) การไม่พึ่งพิงรายได้ทางเดียวโดยหากิจกรรมที่ชอบเพื่อสร้างรายได้ 2) ควรทำประกันสุขภาพให้เพียงพอเพื่อรองรับชีวิตหลังการเกษียณ 3) ทำประกันบำนาญเพื่อช่วยจัดการค่าใช้จ่ายคงที่ 4) ศึกษาและวางแผนจัดการภาษีก่อนและหลังเกษียณ และ 5) จัดพอร์ตการลงทุนเพื่อการเกษียณอย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันแนะนำให้เริ่มต้นวางแผนการเงินด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ตั้งเป้าหมายเงินออม เก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน วางแผนประกันภัยเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ไม่ก่อหนี้เกินตัวและรีบแก้ไขเมื่อมีหนี้เกินตัว รวมถึงแยกหนี้ดี เช่น หนี้บ้าน-คอนโดฯ ออกจากหนี้เลวจากการซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็น เริ่มต้นวางแผนเกษียณให้เร็วที่สุด และสุดท้ายคือจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมและหมั่นหาความรู้อยู่เสมอ


ทั้งนี้ ควรวางแผนลดหย่อนภาษีเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย อาทิ กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) นำมาใช้ลดหย่อน ได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ หรือไม่เกิน 200,000 บาท กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ /กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท โดยทั้งหมดนี้นำมาใช้ลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท และกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) นำมาใช้ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้หรือไม่เกิน 300,000 บาท

นอกจากนี้ หลังจากเกษียณอายุ ควรแบ่งการลงทุนเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. กลุ่มความเสี่ยงต่ำ มีสภาพคล่องสูง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในระยะ 0-3 ปี เช่น เงินฝาก ตราสารหนี้ระยะสั้น คาดหวังผลตอบแทน 0.25-1.5% 2. กลุ่มความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในอีก 4-7 ปี เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ คาดหวังผลตอบแทน 4% 3. กลุ่มความเสี่ยงปานกลาง-สูง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงเกินกว่า 7 ปีข้างหน้า เช่น พอร์ตกองทุน คาดหวังผลตอบแทน 6% ซึ่งพอร์ตการลงทุนในกลุ่มที่ 2 และ 3 เมื่อมีอายุถึง 82 ปี และ 86 ปีตามลำดับ ให้ย้ายเงินลงทุนมายังกลุ่มเสี่ยงต่ำทั้งหมดและคงไว้ตลอดชีวิต ส่วน “กลุ่มอาชีพข้าราชการ” พบว่าส่วนใหญ่เข้าใจว่าสวัสดิการที่มีอยู่เพียงพอต่อชีวิตหลังวัยเกษียณแล้ว แต่อาจไม่ได้นึกถึงการปกป้องความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ไม่ได้ทำประกันชีวิต เพราะเมื่อเสียชีวิตแล้วสวัสดิการที่ได้รับก็จะสิ้นสุดไปด้วย ทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบเนื่องจากขาดรายได้ จึงจำเป็นต้องวางแผนการเงินล่วงหน้า

นอกจากนี้ ควรฝึก 5 นิสัยเพื่อให้เก็บเงินได้รวดเร็วขึ้น ได้แก่ เลี่ยงสร้างหนี้ ตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจน ตั้งงบประมาณต่างๆ ที่จะใช้ต่อเดือน บันทึกรายรับรายจ่ายอย่างง่าย และใช้เครื่องมือทางการเงินให้ถูกต้อง ตลอดจนควรแบ่งสัดส่วนเงินให้ชัดเจนด้วยเทคนิค “โหล 6 ใบ” ใบแรก แบ่งเงิน 55% เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ใบที่สอง 10% เพื่อเป็นเงินเก็บสำรอง ใบที่สาม 10% เพื่อพัฒนาตนเอง ใบที่สี่ 10% เพื่ออิสรภาพทางการเงินโดยนำไปลงทุน เช่น หุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์ ใบที่ห้า 10% เพื่อให้รางวัลตนเอง และใบที่หก 5% เงินเพื่อการให้


ขณะที่ “กลุ่มอาชีพอิสระ” ซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอน แต่มีรายจ่ายถาวร จึงให้เริ่มต้นทำรายรับรายจ่ายล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี และให้กำหนดเงินเดือนตนเองเสมือนพนักงานประจำเพื่อให้มีวินัยการเงินมากขึ้น มีการสร้างแผนสำรองเงินสดยามฉุกเฉินระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี และออมเงิน 20-40% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย วางแผนการเงินระยะยาวเมื่อต้องใช้เงินก้อนใหญ่ และป้องกันรายจ่ายก้อนใหญ่ด้วยประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง วางแผนเกษียณอายุโดยไม่ละเลยการออมและลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินที่ลดหย่อนภาษีได้ เช่น SSF, RMF นอกจากนี้ ควรเตรียมเงินเพื่อเสียภาษีให้เพียงพอ โดยผู้ที่คาดว่าจะมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาท ต้องเตรียมตัวยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และหมั่นทบทวนปรับแผนการเงินอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
“หลายคนเข้าใจผิดว่าการเตรียมความพร้อมเพื่อการเกษียณ เป็นเรื่องของคนอายุมากหรือใกล้เกษียณ แต่การเกษียณแบบมีความสุขต้องอาศัยการวางแผนระยะยาวตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน เพราะการวางแผนเมื่อใกล้เกษียณ จะกดดันตัวเองและอาจไม่ทันการณ์อีกด้วย ” นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทยกล่าว
นอกจากนี้ สมาคมฯ เตรียมจัดกิจกรรม Financial Planning Clinic บริการให้คำปรึกษาวางแผนการเงินผ่านระบบออนไลน์กับนักวางแผนการเงิน CFP แบบรายบุคคลแก่ประชาชนที่สนใจ โดยร่วมบริจาคเงิน 500 บาทแก่สภากาชาดไทย ซึ่งเงินบริจาคสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า เพื่อรับสิทธิ์รับคำปรึกษา ระยะเวลา 1 ชั่วโมง ในวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2567 แบ่งเป็น 3 รอบ ได้แก่ เวลา 9.00-10.00 น. เวลา 10.15-11.15 น. และเวลา 11.30-12.30 น. รวม 30 สิทธิ์ สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ – 9 ตุลาคม 2567 หรือจนกว่าสิทธิ์จะเต็ม โดยแนบสลิปเงินบริจาคและเลือกรอบเวลา พร้อมกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มที่ https://www.surveymonkey.com/r/9MHV5NS โดยสมาคมฯ จะแจ้งยืนยันการลงทะเบียน และช่องทางเข้าร่วมกิจกรรมทางอีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้ หรือสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.tfpa.or.th หรือ Facebook สมาคมนักวางแผนการเงินไทย

ด้านนายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการ กบข. กล่าวว่า ในปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น นับว่าเป็นโจทย์ที่สำคัญของ กบข. ที่จะทำให้สมาชิกมีเงินใช้ที่เพียงพอในวัยเกษียณ จึงได้เดินหน้าให้ความรู้การเงินการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือครั้งนี้ สมาชิก กบข. ได้มีโอกาสได้รับข้อมูลการบริหารจัดการเงินอย่างเป็นระบบจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ กอช. กล่าวว่า กอช.พร้อมยกระดับชีวิตยามเกษียณ ให้กับกลุ่มอาชีพอิสระให้มีความมั่นคงในชีวิต กอช.เป็นกองทุนภาคสมัครใจ ที่ส่งเสริมการออมในระยะยาวให้กับนักเรียน นักศึกษา ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 60 ปี สามารถออมเงินได้ตามความสมัครใจ ขั้นต่ำตั้งแต่ 50 บาท สูงสุด 30,000 บาทต่อปี และรัฐสมทบสูงสุด 100% แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี และไม่จำเป็นต้องออมเป็นประจำเท่ากันทุกเดือน และ กอช. ยังส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา เริ่มออมกับกอช. ตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเมื่อเข้าระบบการทำงาน อาทิ เป็นข้าราชการก็จะมีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือ พนักงานบริษัทเอกชนมีประกันสังคม ก็จะยังได้รับสิทธิออมเงินต่อเนื่อง จนถึงอายุ 60 ปีบริบูรณ์ และยังออมคู่ขนานได้ เป็นกองทุนที่มีความยืดหยุ่น ที่สำคัญรัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทน ให้ในอัตราไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน เฉลี่ย 7 ธนาคาร และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาทต่อปี นับว่า เป็นทางเลือกการออมที่คุ้มค่า ผู้ที่สนใจสมัครเป็นสมาชิก กอช. สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น กอช. หรือทางไลน์แอด กอช. @nsf.th เพื่อตรวจสอบสิทธิและสมัครสมาชิก เพียงระบุเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตนเอง หรือสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่สายด่วนเงินออม 02-049-9000.-511- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย