กอช.-สศค.-สำนักงานสลากฯ ลุยสัญจรสกลนคร เดินหน้า “สลากเกษียณ”

สกลนคร 25 ส.ค.- กอช. – สศค. – สำนักงานสลากฯ ลุยสัญจร สกลนคร เดินหน้า “สลากเกษียณ” หนุนรายย่อยออมเงินระยะยาว พร้อมลุ้นเงินล้านทุกศุกร์


กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดโครงการ “สลากเกษียณ สัญจรทั่วไทย โดย กอช.” เป็นครั้งที่ 3 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี โดยมีนายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร กล่าวให้การต้อนรับ ภายในงานจัดเสวนาหัวข้อ “สลากเกษียณ วิชั่นใหม่ การออม รับสังคมสูงวัย” นำโดย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม กรรมการกองทุนการออมแห่งชาติและประธานอนุกรรมการส่งเสริมการออมและสมาชิกสัมพันธ์ น.ส.จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาตินายทวีป วุฒิบาทุกาจิตต์ รองผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และนายณัฏฐวุฒิ ธรรมศิริ ผู้อำนวยการกองนโยบายการออมและการลงทุนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

นายบุญธรรม กล่าวว่า สลากเกษียณมีแนวคิดมาจากสิ่งที่คนไทยชื่นชอบ อย่างการลุ้นโชค และการเผชิญกับความท้าทายของสังคมสูงวัย ทำให้หลายคนมีเงินเก็บที่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในวัยเกษียณ รัฐบาลต้องแบกรับภาระงบประมาณผู้สูงอายุกว่า 8 หมื่นล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะหากต้องการเพิ่มเงินให้ผู้สูงอายุ ในระดับที่เพียงพองบประมาณ จะต้องเพิ่มขึ้นถึง 4-5แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่สามารถทำได้ จึงต้องอาศัยกลไกที่กระตุ้นให้คนไทยเริ่มเก็บออมตั้งแต่อายุยังน้อย มาทำให้เกิดประโยชน์ และเกิดการออมเพื่อการเกษียณอย่างยั่งยืน โดยที่สลากเกษียณ ซื้อแล้วเงินไม่หาย เงินที่ซื้อจะเปลี่ยนเป็นเงินออม แถมยังได้ลุ้นรางวัลเงินล้าน ทุกวันศุกร์ หากถูกรางวัล ก็สามารถรับเงินได้ทันที แต่เพื่อป้องกันความเหลื่อมล้ำ ไม่ให้ผู้ที่มีรายได้สูงกว้านซื้อ จึงได้จำกัดให้ซื้อได้ไม่เกินเดือนละ 3,000 บาทต่อคน


นายณัฏฐวุฒิ กล่าวว่า จากข้อมูลปี 2566 ที่ผ่านมา ภาครัฐใช้งบประมาณร้อยละ 15 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ในการดูแลหลักประกันรายได้ของประชาชน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จากปี 2556 ที่มีสัดส่วนร้อยละ 9.77 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ทำให้ต้องมีการเตรียมความพร้อม และบริหารการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่าย เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการคลังของภาครัฐในระยะยาว โดยสลากเกษียณ เป็นการสนับสนุนให้ประชาชน มีส่วนร่วมในการออมเงิน ที่จะสร้างความมั่นคงด้านรายได้เมื่อชราภาพ และลดภาระงบประมาณในระยะยาว ซึ่งงบประมาณจำนวน 780 ล้านบาทต่อปีที่รัฐจัดสรรเป็นเงินรางวัล จะสามารถเพิ่มเงินออม เพื่อการเกษียณของแรงงานนอกระบบทั้งระบบ ได้ถึงปีละ 1.3 หมื่นล้านบาท

ด้าน น.ส.จารุลักษณ์ กล่าวว่า กอช. เป็นกองทุนภาคสมัครใจ ที่รัฐจัดให้กับแรงงานนอกระบบ นักเรียน นักศึกษา ชาวไร่ ชาวนา ที่มีอายุตั้งแต่ 15-60 ปี และไม่มีสวัสดิการอื่นรองรับ สามารถออมเงินได้ตามความสมัครใจ ขั้นต่ำ 50 บาท สูงสุด 30,000 บาทต่อปี และรัฐสมทบสูงสุด 100% แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี ปัจจุบัน กอช. มีสมาชิกทั้งสิ้น 2.6 ล้านคน นโยบายนี้จะมาช่วยกระตุ้นให้เกิดการออมที่มากขึ้นเบื้องต้นได้กำหนดเกณฑ์ผู้มีสิทธิซื้อสลากไว้ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.สมาชิก กอช. 2.ผู้ประกันตนมาตรา 40 และ 3.แรงงานนอกระบบ และขอแนะนำให้ท่านที่มีสิทธิสมัครสมาชิก กอช. สามารถสมัครได้เลยและเมื่อสลากเกษียณเริ่มจำหน่าย ก็จะซื้อได้ในทันที และยังได้รับเงินสองทางเมื่อเกษียณอายุอีกด้วย คาดว่านโยบายนี้จะสามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกได้กว่า 5 ล้านคน ภายใน 3 ปี

น.ส.จารุลักษณ์ กล่าวอีกว่า สลากเกษียณ มี 2 รางวัล รางวัลที่ 1 จำนวน 1 ล้านบาท 5 รางวัล และรางวัลที่ 2 จำนวน 1,000 บาท 10,000 รางวัล จำหน่ายผ่านแอปพลิเคชัน กอช. และประกาศผลรางวัลทุกวันศุกร์ เวลา 17.00 น. โดยผู้ถูกรางวัลจะได้รับเงินไม่เกินวันถัดไป และถอนเงินรางวัลได้ทันที ส่วนคนที่ไม่ถูกรางวัล เงินที่ซื้อสลากจะถูกเก็บเป็นเงินสะสม ถอนคืนได้เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในรูปแบบเงินบำเหน็จ และเงินที่ฝากไว้ จะถูกนำไปลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนซึ่งสลากออมทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาแก้กฎหมาย พ.ร.บ. กอช. คาดว่าจะสามารถดำเนินโครงการนี้ ไตรมาส 1 ของปี 2568


ขณะที่นายทวีป กล่าวว่า สำนักงานสลากฯ ได้ออกแบบเกมให้มีความน่าสนใจ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้สร้างวินัยการออม โดยรางวัลที่ 1 และ 2 จะใช้สถานที่ และอุปกรณ์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการออกสลากกินแบ่งฯโดยยึดกระบวนการออกรางวัลของสำนักงานสลากฯ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 ในส่วนของกรรมการ ที่จะมาร่วมเป็นสักขีพยาน มี 3 ท่าน ได้แก่ 1.ประธานกรรมการการออกรางวัล เชิญผู้แทนกระทรวงการคลัง หรือผู้บริหาร กอช. 2.กรรมการที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานสลากฯ และ 3.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก และถ่ายทอดสดการออกผลรางวัล ผ่านทางโซเชียลมีเดียของ กอช. และสำนักงานสลากฯ.-515 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]