ซิดนีย์ 30 พ.ย.- นักเรียนทั่วออสเตรเลียเดินออกจากโรงเรียนในวันนี้มาชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่นิ่งเฉยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านรัฐมนตรีตำหนินักเรียนอย่างรุนแรงว่าจะโตขึ้นเป็นคนล้มเหลว
เด็กเรียน ครู และผู้ปกครองรวมตัวกันในย่านธุรกิจของนครซิดนีย์ช่วงพักกลางวัน ตะโกนขับไล่นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน และมีการประท้วงลักษณะเดียวกันในอีกหลายเมือง เช่น เมลเบิร์น บริสเบน เพิร์ท หลังจากนักเรียน ครู และผู้ปกครองในกรุงแคนเบอร์ราประเดิมการประท้วงไปเมื่อต้นสัปดาห์ นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันกล่าวว่า เด็ก ๆ ควรตั้งหน้าตั้งตาเรียนมากกว่าออกมาเคลื่อนไหว ขณะที่นายแมตต์ แคแนแวน รัฐมนตรีทรัพยากรและนอร์เทิร์นออสเตรเลียให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุว่า การเดินออกจากโรงเรียนมาประท้วงไม่ได้ทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้อะไรนอกจากรู้ว่าจะเข้าแถวขอเงินบริจาคอย่างไร เพราะอนาคตจะต้องโตขึ้นมามีชีวิตแบบนั้น ด้านครูและผู้ปกครองแย้งว่า การประท้วงเป็นการเรียนรู้ที่ดีไม่ต่างจากการเรียนในห้องเรียน เพราะจะสอนให้เด็กรู้จักการมีส่วนร่วมและการเคลื่อนไหวเพื่อบางสิ่งบางอย่างที่จะมีผลต่อพวกเขาโดยตรง
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอนต่อหัวประชากรมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะใช้โรงไฟฟ้าพลังถ่านหินเป็นหลัก รัฐบาลผสมสายอนุรักษ์นิยมของออสเตรเลียเริ่มแสดงท่าทีไม่ยึดมั่นต่อข้อตกลงปารีสเมื่อต้นปีนี้ และเกิดความร้าวฉานภายในรัฐบาลผสมเพราะเห็นต่างกันเรื่องนโยบายพลังงาน เป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีมัลคอล์ม เทิร์นบูลถูกกลุ่มที่ไม่เชื่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโค่นจากตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคม.- สำนักข่าวไทย