ไทยหนุนยุทธศาสตร์อาเซียน-จีนเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน

สิงคโปร์ 14  พ.ย.-นายกฯ หนุนการรับรองวิสัยทัศน์หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน ค.ศ.2030 บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน 


“จิตตานันท์ นิกรยานนท์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2561 รายงานว่า เวลา 09.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 21 ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการซันเทค สิงคโปร์ สนับสนุนการรับรองวิสัยทัศน์หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน ค.ศ.2030 เพื่อส่งเสริมหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับจีนที่เข้มแข็ง บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเสนอแนวทางการพัฒนา ด้วยการส่งเสริมความเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ในภูมิภาค โดยเฉพาะระหว่างแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (MPAC 2025 BRI) และการประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS Master Plan) เพื่อปูทางไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก (EAEc) ในอนาคต และส่งเสริมการมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เรื่องการเชื่อมโยงสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ในปีหน้าที่ประเทศไทย

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังยินดีที่จีนในฐานะประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่ง และประเทศคู่ลงทุนอันดับสามของอาเซียน มีความสนใจในโครงการ EEC ตลอดจนข้อริเริ่ม 2+1 ซึ่งนำไปสู่การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างภาคเอกชนจีน-ญี่ปุ่น-ไทย ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา


 “เสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจเชิงยุทธศาสตร์ อาเซียนกับจีนควรร่วมมือกันเสริมสร้างโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง ส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายในทะเลจีนใต้ เช่น การจัดทำระเบียบปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (COC) ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน การฝึกผสมทางทะเลอาเซียน-จีน และการปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเล” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาเซียนและจีนควรเสริมสร้างความร่วมมือด้านความยั่งยืนในมิติต่าง ๆ ซึ่งในฐานะที่ไทยเป็นผู้ประสานงานอาเซียนในเรื่องนี้ จึงหวังว่าจีนจะให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการดำเนินโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมร่วมกับศูนย์อาเซียนด้านต่าง ๆ ที่จะจัดตั้งที่ประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง