รพ.จุฬาฯ 9 พ.ย.-แพทย์จุฬาฯจับมือสถาบันมะเร็งอันดับ 1ของโลก และสถาบันพันธมิตรในเอเชีย ประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้รักษามะเร็ง ปีนี้เน้นมะเร็งระบบสตรี
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่าเพื่อพัฒนาศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่คณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในฐานะสถาบันพันธมิตร (Sister institution) กับเอ็ม ดี แอนเดอร์สัน แคนเซอร์เซ็นเตอร์ สถาบันการแพทย์ด้านมะเร็งอันดับ 1 ของโลก จึงจัดให้มี การประชุมวิชาการ ‘เอเชียน แคนเซอร์ คอนเฟอร์เรนซ์’ ขึ้น ระหว่างวันที่ 9-10 พ.ย.โดยปีนี้จะเน้นในด้านของมะเร็งระบบสตรี มะเร็งทางเดินอาหารมะเร็งเนื้อเยื่อเกี่ยวพันมะเร็งเม็ดเลือด และมะเร็งปอด
สำหรับไฮไลท์ของการประชุมนี้ ยังมี 1ใน 2 ของผู้ได้รับรางวัล โนเบลไพรส์สาขาด้านสรีระวิทยาหรือทางการแพทย์ คือ Prof.James P.Allison ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ประจำที่เอ็มดีแอนเดอร์สันแคนเซอร์เซ็นเตอร์ โดยมีงานวิจัย คือการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดในการรักษามะเร็ง (immunotherapy) ใช้หลักการรักษามะเร็งผ่านกระบวนการที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเองที่ไปกำจัดเซลล์มะเร็ง ผ่านการค้นพบโปรตีนที่จะไปกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกัน สามารถจำแนกเซลล์มะเร็งและทำลายเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งแนวความคิดนี้เป็นแนวความคิดใหม่ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า สามารถรักษามะเร็งชนิดต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีวิทยากรทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงจากสถาบันชั้นนำระดับโลก เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด อเมริกา มหาวิทยาลัยจุนเทนโด ประเทศญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยยอนเซ เกาหลีใต้ มหาวิทยาลัยไชน่าเมดิคอล ไต้หวัน ซึ่งการประชุมครั้งนี้ จะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความรู้ความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำดังกล่าวในอนาคตประโยชน์ ยังตกอยู่กับสถาบันการแพทย์ด้านมะเร็งวิทยาอื่น ๆ ของไทยที่จะได้เข้าร่วมในการพัฒนาด้านวิชาการ และการดูแลผู้ป่วยมะเร็งให้ดีขึ้นในระดับสากล
สำหรับนวัตกรรมใหม่ของมะเร็งสตรี เช่น การตรวจแป๊บสเมียร์ ซึ่งแต่ก่อนใช้ป้ายปากมดลูก เป็นการใช้แปรงเล็กๆป้าย แล้วจุ่มลงในน้ำยาเพื่อตรวจ หาดีเอ็นเอของไวรัส HPV ซึ่งจะได้ผลดีร้อยละ 99 ผลดีคือตรวจง่ายเข้าถึงผู้หญิงทุกคนตรวจเองได้ผลแม่นยำ .-สำนักข่าวไทย