กาญจนบุรี 11 ต.ค.-“ตาต้า” ชายชาวเมียนมา วัย 36 ปี รับสารภาพเป็นคนยิงหมีขอ อ้างถูกบุคคลสั่งให้ล่า เผยเคยเป็นนายพรานเก่า แต่ไม่ได้ล่าสัตว์นานแล้ว
เจ้าหน้าที่สืบสวนคุมตัว “ตาต้า” ชายชาวเมียนมา วัย 36 ปี ที่รับสารภาพเป็นคนยิงหมีขอ มายังสถานีตำรวจภูธรไทรโยคเมื่อกลางดึกวานนี้ (10 ต.ค.) ตาต้าเผยว่าเป็นผู้ยิงหมีขอเอง โดยถูกสั่งจากกลุ่มบุคคลให้ไปล่าสัตว์ให้ ซึ่งตนยังไม่ทราบว่ากลุ่มคนเหล่านั้นเป็นใคร ทั้งนี้ ตนเคยเป็นนายพรานเก่า แต่ไม่ได้ล่าสัตว์นานแล้ว และมาอยู่ที่สำนักสงฆ์เต่าดำ ได้ประมาณ 2 ปี
สำหรับในคืนเกิดเหตุมีกลุ่มบุคคลสั่งให้ตนไปล่าสัตว์ให้ โดยใช้ปืนของกลุ่มบุคคลนั้น และได้ส่องไฟให้ โดยก่อนจะยิงหมีขอจนร่วง กลุ่มบุคคลได้ยิงมาก่อน คาดว่ายิงตัวอีเห็น สำหรับหมีขอได้ยินคนในนั้นพูดว่าโดนแล้วแต่ไม่ร่วง ส่วนตนยิงร่วงในนัดเดียว หลังจากนั้นนำไปชำแหละที่สำนักสงฆ์ แต่ตนไม่ได้กิน ส่วนซากสัตว์ ขาหน้า และซี่โครง ที่เจ้าหน้าที่เพิ่งพบเพิ่มเติม จำได้ว่ากลุ่มบุคคลนำกลับไปด้วย ทั้งนี้ ตอนแรกไม่ยอมรับว่าเป็นคนยิง เนื่องจากตื่นกลัว เพราะมีคนมาเป็นจำนวนมาก พูดอะไรไม่ถูก ต่อมาจึงได้สารภาพกับพระอาจารย์ว่าเป็นคนยิง
ด้านนายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค เผยถึงหลักฐานใหม่ที่พบห่างจากรถคันสุดท้ายที่เจอระหว่างจับกุมประมาณ 1 กิโลเมตร พบเป็นซากหมีขอที่โตเต็มวัยแล้ว 3 ชิ้น ลักษณะซี่โครงเป็นแบบผ่าครึ่ง และกบทูด ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองเช่นกัน จำนวน 4 ตัว เมื่อดูเวลาการย่อยสลายน่าจะสอดคล้องกันกับการล่า หลังจากที่ได้ฟังคำ
สารภาพจากตาต้าแล้วก็ให้เป็นไปตามการทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่มีการถอนแจ้งความใดๆ โดยทางอุทยานฯ มีหน้าที่หาข้อมูลหลักฐานพยานเพิ่มเติมสนับสนุนการพิจารณาคดี ซึ่งการแจ้งข้อหาก็ค่อนข้างครอบคลุมในพฤติกรรมล่าสัตว์ หรือพยายามล่าสัตว์ป่า หากการพิสูจน์หลักฐานเชื่อมโยงกัน และการชี้ตัวของตาต้าตรงกัน คาดว่าผู้กระทำผิดก็ต้องได้รับโทษ เบื้องต้นได้เพิ่มตาต้าเป็นผู้ถูกกล่าวหาอีก 1 คน รวมผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ทั้งสิ้น 13 คน ส่วนความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างตาต้าและสำนักสงฆ์เต่าดำ คงยังต้องหาข้อมูลอีก เพราะการกระทำของตาต้าอาจไม่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดในการอนุญาตพุทธอุทยาน.-สำนักข่าวไทย