ก.เกษตรฯ หารือแนวทางแก้หนี้สินเกษตรกร

กรุงเทพฯ  9 ต.ค. – แกนนำม็อบหนี้สินไม่รับแนวทางปรับโครงสร้างหนี้ตามมติ ครม. 2 ต.ค. เรียกร้องขยายเวลาขึ้นทะเบียนอีก 60 วันเสนอ กฟก.ซื้อหนี้มาบริหารเอง 


นายณรงค์ อ่อนสะอาด ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เป็นประธานในการประชุมกับกลุ่มหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และฝ่ายความมั่นคง ซึ่งได้มีการหารือในประเด็นที่นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจได้ให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนหนี้สินปี 2561 ภายใน 60 วันตามที่เกษตรกรร้องขอ ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ซึ่งกลุ่มเกษตรกรเรียกร้องให้ขยายเวลาเพิ่มอีก 60 วัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม เนื่องจากกลุ่มเกษตรกรอ้างว่าตามระยะเวลาเดิมสมาชิก กฟก.มาขึ้นทะเบียนไม่ทัน ซึ่งที่ประชุมได้รับเรื่องที่จะขยายเวลา 

นอกจากนี้ กลุ่มเกษตรกรยังขอให้ยกเลิกการใช้คู่มือการกลั่นกรองตรวจสอบยืนยันข้อมูลหนี้สินเกษตรกรออกโดยคณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจชุดก่อนหน้าที่มีถึง 16 ขั้นตอน เนื่องจากเป็นการจำกัดสิทธิ์ของสมาชิก กฟก. กว่า 300,000 ราย ซึ่งขึ้นทะเบียนหนี้สินไว้นานแล้ว ขณะนี้มีสมาชิก กฟก.จำนวนหนึ่งถูกธนาคารเจ้าหนี้ยื่นฟ้องศาล ศาลสั่งให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์และขายทอดตลาด อีกส่วนหนึ่งเป็นหนี้โดยหลักทรัพย์ถูกขายไปยังบุคคลที่ 3 เช่น บริษัทบริหารสินทรัพย์แล้ว หากยกเลิกขั้นตอนกลั่นกรองตรวจสอบจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้เร็วขึ้น ซึ่งนายณรงค์ กล่าวว่า หลักเกณฑ์การสำรวจหนี้สินที่ต้องผ่านการกลั่นกรอง 16 ขั้นตอนอาจหมดอายุไปตามอายุการทำงานของคณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจชุดก่อนหน้า ทั้งนี้ จะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานพิจารณาสัปดาห์นี้ 


นายยศวัจน์ ชัยวัฒนศิริกุล ที่ปรึกษาสหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย (สกท.) กล่าวว่า  ต้องการเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ขอให้ ธ.ก.ส.ขายหนี้ให้ กฟก.ตามที่ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างธ.ก.ส.กับ กฟก.ในเงื่อนไขตัดเงินต้นลงครึ่งหนึ่ง ยกดอกเบี้ยให้ โดยกลุ่มเกษตรกรไม่ยอมรับแนวทางแก้หนี้ที่ผ่านมติ ครม.เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 โดยเกษตรกรกว่า 400,000 ราย มูลหนี้ 35,000 ล้านบาท เป็นหนี้ทั้ง ธ.ก.ส.และธนาคารอื่น ๆ ซึ่งเกษตรกรจะผ่อนชำระกับ กฟก.เป็นเวลา 20 ปี ดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อปี และหาก กฟก.แก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรไม่ได้สมควรยุบหน่วยงานไป จากนั้นนายยศวัจน์ จึงเดินทางกลับไปยังที่ชุมนุมบริเวณหน้ากระทรวงการคลังตามเดิม

ส่วนด้านหน้ากระทรวงเกษตรฯ ยังมีม็อบเกษตรกร นำโดยนางนิสา คุ้มกอง ประธานกลุ่มเครือข่ายกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้นำเกษตรกรจังหวัดภาคกลางชุมนุมรอเจรจากับกระทรวงเกษตรฯ ให้ช่วยเหลือเจรจาแก้ปัญหาหนี้สินที่กู้ยืมจากสหกรณ์และธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ อยู่.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง