เผาแล้ว! สาว 22 ปี หลังไปสักลาย แล้วติดเชื้อในกระแสเลือด

เลย 2 ก.ย.- วันนี้มีพิธีฌาปนกิจศพหญิงสาววัย 22 ปี เสียชีวิต หลังครอบครัวเชื่อว่า เธอไปสักลาย จากร้านย่านคลองหลอด ในกรุงเทพฯ มาเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แล้วติดเชื้อในกระแสเลือด 


ที่วัดนาฮุง ตำบลกุดป่อง อำเภอเมืองเลย มีพิธีฌาปนกิจศพ นางสาวขวัญฤดี อินทะบุญ อายุ 22 ปี หลังจากครอบครัวเชื่อว่า  เสียชีวิตจากอาการติดเชื้อเอชไอวี จากการไปสักลายจากร้านย่านคลองหลอด กรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา    โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีญาติและเพื่อนของนางสาวขวัญฤดีมาร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก 


ด้านนายเดชา อินทะบุญ บิดาเชื่อว่าการเสียชีวิตของบุตรสาวเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือดหลังไปสักลายมา เมื่อเชื้อโรคเข้าในกระแสเลือด เพราะเพื่อนๆ ที่ไปสักมาพร้อมกัน ก็เสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกัน และอยากให้การเสียชีวิตของบุตรสาว เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสักลาย ควรหาร้านที่สะอาด ได้มาตรฐาน ไม่ควรเห็นแก่ร้านที่ราคาถูก และครอบครัว จะไม่เอาเรื่อง หรือ ดำเนินคดีกับ ร้านสักลาย เพราะ อยากให้ลูกสาวจากไปอย่างสงบ 

          

ขณะที่นางป่านฤทัย โยทุม พี่สาว เปิดเผยว่า ก่อนเสียชีวิตน้องสาวบอกว่าไปสักลายมาจากนั้นบ่นว่ามีอาการปวดท้อง มารู้ผลอีกที ที่โรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่แจ้ง ว่าติดเชื้อ HIV แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะแฟนของน้องสาวคนปัจจุบันยังคงมีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีการติดเชื้อเหมือนน้องสาว จึงเชื่อว่าน้องสาวต้องติดเชื้อโรคร้ายชนิดรุนแรงจากการสักลายอย่างแน่นอน


ด้านนางอุภัยพร มหานิน นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์จังหวัดเลย ได้เข้าพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิต  เพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้นตามระเบียบของกระทรวง โดยจากนี้จะมีขั้นตอนการสอบข้อมูลทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ปกครอง เพื่อนำไปเข้าที่ประชุมในรูปคณะกรรมการ และหลังจากนั้นจะมอบเงินช่วยเหลือโดยการโอนเข้าบัญชีผู้ปกครองต่อไป

พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ พยาธิแพทย์ โรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบจากรายงานทางการแพทย์ในการชันสูตรศพ สามารถระบุยืนยันได้ว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อเอชไอวี หรือจากการติดเชื้อทั่วไป ซึ่งในกรณีเป็นการเสียชีวิตจากการติดเชื้อเอชไอวีผู้ตายจะต้องมีร่างกายผ่ายผอม แต่หากเป็นการติดเชื้อและเสียชีวิตในรายงานชันสูตรศพจะระบุยืนยันว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อ

พญ.ประชุมพร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเห็นควรว่ากรณีที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด ควรมีการปิดร้านชั่วคราวเพื่อตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันการดำเนินการเรื่องร้านสักจะต้องคำนึงถึงความสะอาดมากที่สุด โดยต้องมีการเปลี่ยนหัวเข็มในการสัก เพราะผู้ที่รับการสัก เสี่ยงที่จะติดเชื้อ HIV ได้ง่ายจากเข็ม ไม่แตกต่างจากการมีเพศสัมพันธ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง