กรุงเทพฯ 1 ก.ย.-นายอัศยา ชัยภา หรือ โก้ ผู้ต้องหาคดีฆ่าไฮโซเชอรี่ ยืนยันไม่มีเจตนาฆ่านักธุรกิจสาว แต่ทำไปเพราะถูกด่าทอพาดพิงบุพการี จึงบันดาลโทสะ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ตำรวจเตรียมขยายผลประเด็นทรัพย์สิน
นี่เป็นคลิปวินาทีที่ตำรวจไทยร่วมกับทางการกัมพูชา บุกเข้าจับกุม นายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาที่ใช้ไม้เบสบอลเป็นอาวุธสังหารนางสาวธิติมา หรือเชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี ไฮโซสาวนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ จนเสียชีวิต ภายในโรงแรมที่พักย่านลาดพร้าว หลังหนีออกจากไทยผ่านด่ายชายแดน อำเภโป่งน้ำร้อน ไปกบดานที่หมู่บ้านเคลงปอ อำเภอคลองปิเซ ฝั่งกัมพูชานานร่วมเดือน นอกจากนายโก้ ยังจับกุมน้องชาย คือ นายอนุวัฒน์ ชัยภา อายุ 32 ปี ได้พร้อมกัน การจับกุมแบบจู่โจมไม่ทันตั้งตัว ทำให้นาย โก้ตื่นตกใจจนให้การสับสนวกวน จากนั้นนำตัวไปค้นทรัพย์สินราคาแพงหลายรายการที่ เจ้าตัวนำเงินไปซื้อมาซุกซ่อนไว้ หลังถูกจับกุม ตำรวจไทยทำเรื่องนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนข้ามแดนกลับมาฝั่งไทย โดยมีรองผูบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเดินทางไปรอรับตัว ก่อนนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ มาลงที่กองบินตำรวจ และควบคุมตัวมาที่ สน.โชคชัย พื้นที่เกิดเหตุกลางดึกที่ผ่านมา
รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ระบุ มีการประสานความร่วมมือกับกัมพูชาเพื่อติดตามตัวนายโก้หลังมีข้อมูลแน่ชัดว่าไปหลบซ่อนตัวที่กัมพูชา เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพ โดยอ้างว่าลงมือทำเพราะทะเลาะวิวาทกับผู้ตาย สอดคล้องกับคำรับสารภาพของนายโก้ ยอมรับทำไปเพราะบันดาลโทสะที่ถูกด่าทอหลายเรื่องและยังพาดพิงถึงบุพการี ซึ่งตนคบหากับผู้ตายมา 1 ปีแล้ว อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง ยืนยันไม่ได้เตรียมการมาก่อน ส่วนไม้เบสบอลอาวุธที่ใช้สังหารเป็นของผู้ตายที่มีติดรถไว้ เพื่อป้องกันตัว เนื่องจากทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และผู้ตายเป็นคนเอาไม้เบสบอลขึ้นไปบนห้องเอง แต่เมื่อทีมข่าวตรวจสอบภาพวงจรปิดวันที่ทั้งสองคนเข้าพักห้องพักที่เกิดเหตุเมื่อ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่สังเกตุเห็นว่าทั้งสองถือไม้เบสบอลเข้าไปด้วย ขณะที่น้องชายนายโก้ บอกว่าทราบเรื่งงทั้งหมดเมื่อไปถึงกัมพูชาแล้ว เพราะสังเกตุเห็นพี่ชายดูไม่สบายใจ นายโก้เองก็ยืนยันว่าน้องชายไม่เกี่ยวข้อง ส่วนที่หลบหนีก็ไม่ได้วางแผน เพียงแค่ต้องการประวิงเวลา และบอกกับน้องชายเพียงว่าจะพาไปเที่ยว
หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายโก้ ซึ่งถูกตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ถูกนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญารัชดา แต่ไม่มีญาติมายื่นประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชราชทัณฑ์ จึงนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนนายอนุวัฒน์ น้องชาย ซึ่งถูกดำเนินคดี ข้อหาเป็นผู้ช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งกระทำความผิดหลบหนีไม่ให้ต้องถูกจับกุม ถูกนำตัวไปฝากขังต่อศาลแขวงพระนครเหนือ.-สำนักข่าวไทย