ภูมิภาค 22 ส.ค.- กรมชลประทาน มั่นใจแม่น้ำยมไม่ทะลักเข้าตัวเมืองสุโขทัย ขณะที่ผู้ว่าฯ พิจิตร ยังเกาะติดสถานการณ์น้ำ เนื่องจากห่วงน้ำจะล้นตลิ่งเข้าพื้นที่เสี่ยง 4 อำเภอของจังหวัด
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นำคณะเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ติดตามการผันน้ำจากแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านให้ไหลลงแม่น้ำพิจิตร ที่บริเวณอาคารบังคับน้ำดงเศรษฐี ตำบลย่านยาว อำเภอเมืองพิจิตร จุดเริ่มต้นของแม่น้ำพิจิตรและมีระยะทางยาวเกือบ 130 กิโลเมตร หลังจากกรมชลประทานผันน้ำจากแม่น้ำยม ผ่านลำคลองสาขา ให้มาไหลลงสู่แม่น้ำน่าน เพื่อลดปริมาณน้ำแม่น้ำยม ให้ต่ำกว่าตลิ่งและป้องกันน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดพิจิตร
กรมชลประทาน คาดการณ์ว่าปริมาตรน้ำสูงสุดของแม่น้ำยมจะไหลถึงตัวเมืองสุโขทัยในช่วงบ่ายวันนี้ แต่เนื่องจากน้ำมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับแนวทางบริหารจัดการ ที่มีการผันน้ำเข้าสู่ระบบชลประทาน และโครงการบางระกำโมเดล ทำให้มั่นใจว่า พื้นที่เศรษฐกิจและชุมชนในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยจะไม่ได้รับผลกระทบ
ข้อมูลศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ระบุว่า มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีระดับเกินเกณฑ์ควบคุม และปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุ ด้วยกัน 5 แห่ง คือ เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี มีปริมาตรน้ำคิดเป็นร้อยละ 109 น้ำล้นสปิลเวย์ 1.37 เมตร ปริมาณการระบายน้ำยังสูงแต่มีแนวโน้มทรงตัว เขื่อนน้ำอูน ปริมาตรน้ำในอ่างฯ ร้อยละ 103 ต้องเร่งพร่องน้ำ รองรับปริมาณฝนที่ตกเหนือเขื่อน ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง บริเวณบ้านนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม บ้านพอกใหญ่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
เขื่อนวชิราลงกรณ จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ร้อยละ 91 มีพื้นที่รีสอร์ทที่สร้างอยู่ในแม่น้ำแควน้อย แม่น้ำแม่กลอง ได้รับผลกระทบ แต่ขณะนี้น้ำยังไม่ล้นตลิ่ง เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ร้อยละ 87 และเขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ร้อยละ 86 มีแผนระบายน้ำลงแม่น้ำปราณบุรีเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำปราณบุรีวันนี้จะสูงขึ้นอีกไม่เกิน 0.20 เมตร.-สำนักข่าวไทย