เร่งระบายน้ำเขื่อนใหญ่เกินเกณฑ์ควบคุม

กรุงเทพฯ  31 ก.ค. – กรมชลประทานกำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก เน้นบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำที่เกินเกณฑ์ควบคุม โดยเพิ่มปริมาตรการระบายให้มีผลกระพื้นที่ท้ายเขื่อนน้อยที่สุด 


นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบัน (31 ก.ค. 61) มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกัน 51,677 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 68 ของความจุเก็บกักรวมกัน โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้ 27,757 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 53 ของปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน สามารถรองรับน้ำได้อีก 24,331 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 14,253 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 7,557 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีก 10,618 ล้าน ลบ.ม. 

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักในบางแห่ง ส่งผลให้สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน (31 ก.ค. 61)อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม มี 11 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล, น้ำอูน, น้ำพุง, จุฬาภรณ์, อุบลรัตน์, ลำปาว, ลำพระเพลิง, ป่าสักชลสิทธิ์, วชิราลงกรณ, แก่งกระจาน และปราณบุรี  


กรมชลประทาน ได้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้มีความเหมาะสม เพื่อสามารถรองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำการจำลองปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนจากเครื่องมือ ROS (Reservoir Operation Study) กำหนดสถานการณ์ตัวอย่าง จำนวน 3 สถานการณ์ จากข้อมูลปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำปี พ.ศ.2554, พ.ศ.2557 และปีเฉลี่ย เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์และพิจารณาการบริหารจัดการน้ำได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการระบายน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณน้ำในอ่างฯสูงกว่าเกณฑ์ควบคุม ให้เร่งดำเนินการวางแผนการระบายน้ำ เพื่อเป็นการพร่องน้ำให้อยู่ในเกณฑ์เก็บกักต่อไป  

ในส่วนของอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จะพิจารณาการระบายน้ำในอ่างฯที่มีความจุเก็บกักมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ ส่วนอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ(Inflow)น้อยกว่าหรือใกล้เคียงกับความจุ จะรักษาปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 70 – 80 และอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำไหลเข้า (Inflow) มากกว่าความจุอ่างฯสองเท่า ให้รักษาปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 60 – 70 เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อน 

สำหรับสถานการณน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี หลังจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนวชิราลงกรณเป็นจำนวนมาก ปริมาณน้ำในเขื่อนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน(31 ก.ค. 61)   มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน 123 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำในอ่างฯอยู่ที่ 7,146 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 81 ของความจุอ่างฯ มีการระบายน้ำออกจากอ่างฯวันละประมาณ 28 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ จากการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ มีมติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ(กฟผ.)เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนวชิราลงกรณ เป็นวันละ 36 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อรักษาระดับน้ำในเขื่อนให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย และรักษาเสถียรภาพของเขื่อนให้สามารถรองรับปริมาณน้ำจากฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ได้อีกในระยะต่อไป สำหรับการเพิ่มการระบายน้ำในครั้งนี้อาจส่งผลกระทบผลต่อกลุ่มผู้ใช้น้ำที่อยู่ทางด้านท้ายเขื่อน กรมชลประทานจึงมอบหมายให้ กฟผ. ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อชี้แจงพร้อมทำความเข้าใจต่อกลุ่มผู้ที่อาจได้รับผลกระทบทราบต่อไปแล้ว 


นอกจากนี้ กรมชลประทานได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำ ที่อาจมีผลกระทบต่อพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเดิม ได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ จัดเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในพื้นที่ หากเกิดฝนตกหนักจะได้เข้าไปแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งได้กำชับให้ติดตามตรวจสอบอาคารและระบบชลประทาน ให้สามารถรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละช่วงเวลา ควบคุมและรักษาระดับน้ำในเขื่อนต่างๆให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด อีกทั้ง จัดเตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ 1,851 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 317 ชุด รถบรรทุก/ยานพาหนะ 324 คัน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ในเขตสำนักงานชลประทานต่างๆ รวมทั้งสิ้น 2,803 หน่วย เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง