กรุงเทพฯ 22 ก.ย.-เหล่าฮีโร่พาราลิมปิกไทย เดินทางกลับถึงประเทศไทยครบทุกคนแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ติดตามเรื่องราวของพวกเขาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ติดตามจากรายงาน
บรรยากาศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเป็นไปอย่างอบอุ่น แฟนกีฬาชาวไทยสื่อมวลชนพากันมารอรับเหล่าฮีโร่พาราลิมปิกเกมส์ ที่กลับมาจากบราซิลเป็นชุดสุดท้าย ด้วยสายการบินแอร์ฟร้านซ์ประกอบด้วยนักกีฬากรีฑา, วีลแชร์เรซซิ่ง, ฟันดาบ, วีลแชร์เทนนิส, ยิงธนู, ยูโด และ ยกน้ำหนัก โดยไฮไลท์ในวันนี้อยู่ที่ 2 นักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งอย่างพงศกร แปยอ และประวัติ วะโฮรัมย์ ที่คว้าคนละ 2 เหรียญทองกลับมายังประเทศไทย โดยพงศกร เจ้าของเหรียญทองวีลแชร์เรซซิ่ง 400 และ 800 เมตร และเหรียญเงิน 100 เมตร และทีม 4 × 100 ในคลาส T53 ที่จะได้รับเงินรางวัลรวมถึง 20 หรือ 24 ล้านบาท แล้วแต่เกณฑ์ที่เขาจะเลือกยังไม่ได้คิดว่าจะนำเงินที่ได้ไปใช้ทำอะไร แต่ก็ขอบคุณแฟนชาวไทยทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ตัวเขา ซึ่งทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้
ส่วนอีกคนที่ชื่นใจไม่แพ้กันคือประวัติ วะโฮรัมย์ กับพาราลิมปิกครั้งที่ 4 และครั้งนี้ได้มาอีก 2 ทอง จากวีลแชร์เรซซิ่ง 1,500 และ 5,000 เมตร คลาส T54 รวมเป็น 7 ทอง หลังคว้ามาก่อนหน้านี้ 5 ทอง ที่ซิดนีย์, เอเธนส์ และปักกิ่งเกมส์ โดยนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย พอใจกับจำนวนเหรียญที่ไทยเก็บได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ 6 ทอง 6 เงิน 6 ทองแดง ทำลายสถิติเดิม 5 ทอง 4 เงิน 2 ทองแดงที่ซิดนีย์เมื่อ 16 ปีที่แล้ว หลังจากวางแผนเก็บตัวมานานถึง 7 เดือน แต่ขณะเดียวกันบนความสมหวังก็ยังมีคนที่ผิดหวัง ทำผลงานไม่ได้ตามเป้า หนึ่งในนั้นคือ “แวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ ที่คว้าเพียงเหรียญเงินจากการแพ้นักกีฬาจากจีน เธอยอมรับว่าเสียใจที่ไม่ได้เหรียญทอง แต่จะสู้ต่อในอีก 4 ปีข้างหน้า สิ่งสุดท้ายที่เธอฝากคือขอบคุณรัฐบาลสำหรับเงินรางวัล แต่อยากให้ดูแลนักกีฬาพาราลิมปิกทุกคนให้เหมือนกับนักกีฬาปกติ เพราะทุกคนก็ฝึกซ้อมและใช้แรงกายแรงใจอย่างหนัก
สำหรับการกีฬาแห่งประเทศไทย เตรียมมอบเงินรางวัลให้กับนักกีฬาและผู้ฝึกสอน 2 แบบ คือแบบ ก. คือการแบ่งจ่าย และแบบ ข. คือการจ่ายครั้งเดียว ทั้งนี้หากนักกีฬาเลือกรับแบบก. ทุกคนจะได้เงินรางวัลรวมกันทั้งสิ้น 180 ล้าน 7 แสนบาท ซึ่งน่าจะเป็นขวัญและกำลังใจ ต่อการไปสู้ศึกพาราลิมปิกเกมส์ครั้งต่อไป ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในอีก 4 ปีข้างหน้า.-สำนักข่าวไทย