รัฐบาลเชิญเอกอัครราชทูตทั่วโลกรับฟังข้อมูลอีอีซี

ทำเนียบฯ 5 มิ.ย. – รัฐบาลเชิญเอกอัครราชทูตทั่วโลกรับฟังข้อมูลอีอีซี ยืนยันไม่มีรายชื่อในใจ พร้อมเปิดกว้างประมูลโครงการขนาดใหญ่โปร่งใส รองรับความต้องการเอกชนใช้ไทยเป็นศูนย์กลางลงทุนในภูมิภาค 


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) คืบหน้ามาก ทั้งกฎหมายรองรับการลงทุน ทำให้สำนักงานอีอีซีมีผลบังคับใช้ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและมีกฎหมายรองรับเพื่อขับเคลื่อนโครงการอย่างเต็มที่ ทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ศูนย์กลางการบินภาคตะวันออก รถไฟทางคู่ ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังเฟส 3 ศูนย์ซ่อมอากาศยาน โรงเรียนวิศวกรรม การฝึกอบรมช่างอากาศยาน EECi และดิจิทัลปาร์ค โครงการเหล่านี้มีความคืบหน้าไปมาก 

สำหรับ 5 โครงการสำคัญในพื้นที่อีอีซี ที่รัฐบาลเร่งผลักดันให้สำเร็จในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งประกอบด้วย  สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก  ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา  รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน  ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3  และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 รวมวงเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 600,000 ล้านบาท คาดจะสามารถเร่งรัดให้ได้ผู้ชนะการประมูลทั้ง 5 โครงการภายในปีนี้ หลังจากโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม  3 สนามบิน เริ่มประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าลงทุนเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเปิดประมูลปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าให้ได้อย่างแน่นอน  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ 


“ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีรายชื่อเอกชนรายใดรายหนึ่งอยู่ในใจ จึงต้องการเชิญเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยช่วยไปบอกภาคเอกชนของต่างชาติยื่นประมูลโครงการลงทุนด้านต่าง ๆ เพราะการเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้งต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะต้องการให้ไทยเป็นฐานการผลิตและศูนย์กลางในภูมิภาคช่วง 20-30 ปีข้างหน้า ต่างชาติจึงเตรียมแผนเข้ามาขยายการลงทุนอย่างมากในขณะนี้” นายกอบศักดิ์ กล่าว 

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีกำหนดจัดการบรรยายสรุปให้แก่คณะผู้แทนทางการทูตและกงสุลที่ประจำการในประเทศไทยเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกในหัวข้อ “The Eastern Economic Corridor (EEC) : Taking Off”  ในวันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน 2561 เวลา 10.00-12.00  น. ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยเชิญนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงภาพรวม กฎหมายรองรับ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแผนการลงทุน นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ชี้แจงแผนลงทุน ความคืบหน้า  และนางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ เป็นผู้บรรยายสรุปแนวทางส่งเสริมการลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนต่างประเทศ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง