ย่างกุ้ง 1 มิ.ย. – สหประชาชาติกล่าวว่า รัฐบาลเมียนมาตัดสินใจเมื่อวานนี้ที่จะเปิดทางให้สหประชาชาติเดินทางเข้าไปยังรัฐยะไข่ หลังจากหาข้อยุติไม่ได้เกี่ยวกับการส่งตัวผู้อพยพชาวโรฮิงญาหลายแสนคนกลับไปยังถิ่นฐานในรัฐดังกล่าว
รัฐบาลเมียนมาไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่ส่วนใหญ่รัฐยะไข่ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเมียนมา หลังจากที่รัฐบาลใช้ปฏิบัติการทางทหารกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงญาในรัฐดังกล่าวทำให้ชาวโรฮิงญาราว 700,000 คน ต้องอพยพหนีความรุนแรงไปยังบังกลาเทศ และเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี่ทีแล้วเมียนมาและบังกลาเทศลงนามในข้อตกลงส่งตัวผู้อพยพกลับประเทศแต่จนถึงขณะนี้มีชาวโรฮิงญาเดินทางกลับไปเพียงไม่กี่สิบคน ส่วนใหญ่กล่าวว่า จะไม่ยอมกลับไปจนกว่าจะมีการรับประกันเรื่องความปลอดภัยและการให้สิทธิ์ในการเป็นพลเมืองของเมียนมา ทางด้านสหประชาชาติกล่าวว่า สภาพพื้นที่ในรัฐยะไข่ยังไม่พร้อมที่จะให้ผู้อพยพกลับไปอย่างปลอดภัย อย่างสมัครใจและมีศักดิ์ศรี และเมื่อวานนี้ สหประชาชาติและรัฐบาลเมียนมา บรรลุร่างข้อตกลงที่จะเปิดทางให้หน่วยงานต่างๆ ชองสหประชาชาติเดินทางเข้าไปยังรัฐยะไข่ ซึ่งรวมถึงสถานที่เกิดผู้อพยพและพื้นที่ที่จะใช้เป็นสถานที่ตั้งถิ่นฐานของชาวโรฮิงญาที่เดินทางกลับบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เมียนมาไม่เปิดให้ไปสำราจนับตั้งแต่เริ่มปฎิบัติการกวาดล้างอย่างรุนแรงเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว การเปิดทางอย่างนี้จะทำให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติเข้าไปประเมินพื้นที่และดำเนินการกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อปกป้องชาวโรฮิงญา.-สำนักข่าวไทย