นนทบุรี 24 พ.ค. – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาอาหารปรุงสำเร็จและสินค้าอุปโภคบริโภค
ระบุไม่พบการขึ้นราคา พร้อมชี้แจงพ่อค้าแม่ค้าราคาก๊าซหุงต้มขึ้นกระทบต้นทุนเล็กน้อย
ขอให้ช่วยตรึงราคาเดิมเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารปรุงสำเร็จ
ณ ศูนย์อาหารตลาดกลางบางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พร้อมกล่าวว่า เป็นการติดตามสถานการณ์หลังจากที่ก๊าซแอลพีจีปรับขึ้นเป็นถังละ
395 บาท (ถัง 15 กิโลกรัม) จากเดิม 353 บาท และการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าทั้งอาหารปรุงสำเร็จและสินค้าอุปโภคบริโภค
เพราะผลการศึกษาของกระทรวงพาณิชย์พบว่ามีต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า พ่อค้าแม่ค้ายังจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จในราคาเดิม
ไม่มีการปรับขึ้นราคา โดยยอมรับว่า
การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มกระทบความรู้สึกประชาชนมากกว่าต้นทุนราคาขาย
ซึ่งได้ขอความร่วมมือให้มีการตรึงราคาเดิมเอาไว้ เพราะก๊าซหุงต้มที่เพิ่มขึ้น
มีผลการศึกษาของกรมการค้าภายในออกมาว่ากระทบต่อต้นทุนการผลิตเพียงเล็กน้อยแค่
15-20 สตางค์เท่านั้น โดยจากการสอบถามพบว่า ก๊าซหุงต้ม ถัง 15 กิโลกรัม
สามารถปรุงอาหารได้เฉลี่ย 500 – 600 จาน มากกว่าที่กรมการค้าภายในคาดการณ์เฉลี่ย
300 จานต่อถังจึงไม่สามารถใช้เป็นเหตุผลในการปรับขึ้นราคาได้
ส่วนสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป พบว่า ยังจำหน่ายเป็นปกติ
ไม่พบว่ามีสินค้ารายการใดปรับขึ้นราคาและจากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้า ก็ไม่พบว่า
มีการแจ้งปรับขึ้นราคาจากผู้ผลิตเข้ามาแต่อย่างใด
ซึ่งสอดคล้องกับที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นราคาในช่วงนี้
และเท่าที่ตรวจสอบกับกรมการค้าภายใน
ก็ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดยื่นเรื่องปรับขึ้นราคาเข้ามา แต่เพื่อไม่เป็นการประมาท
ได้สั่งการให้มีการหารือกับผู้ผลิตสินค้า (ซัปพลายเออร์) แล้ว
ซึ่งจะมีการหารือเพื่อประเมินสถานการณ์
นายสนธิรัตน์กล่าวอีกว่า ในการดูแลการบริโภคอาหารปรุงสำเร็จให้กับประชาชน
กระทรวงพาณิชย์ได้มีทางเลือก
โดยส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคอาหารปรุงสำเร็จจากร้านอาหารหนูณิชย์
ซึ่งมีราคาจำหน่ายไม่เกินจาน/ชามละ 25-35 บาท และเป็นอาหารที่มีความสะอาด
ถูกสุขลักษณะ และปิดป้ายราคาชัดเจน โดยปัจจุบันมีจำนวนร้านหนูณิชย์มากถึง
14,157ร้าน แยกเป็นในกรุงเทพฯ 4,689 ร้าน ภูมิภาค 9,434 ร้าน
โดยประชาชนสามารถเลือกบริโภคอาหารปรุงสำเร็จจากร้านที่ใกล้บ้านได
ขณะที่การลดภาระด้านการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้กลไกของร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ โดยประสานผู้ผลิตจัดส่งสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด
เข้าไปจำหน่าย เพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและประชาชนทั่วไป
และล่าสุดกำลังจะประสานผู้ผลิตรายใหญ่ให้จัดส่งสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด
เพื่อนำไปจัดเป็นมุมธงฟ้า เพื่อให้ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเป็นร้านขายสินค้าราคาถูกหรือดิสเคาน์ช็อปอย่างถาวรด้วย
ซึ่งหากดำเนินการสำเร็จ จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้อีกมาก ขณะเดียวกัน
ยังได้ใช้กลไกของการจัดงานธงฟ้าราคาประหยัด นำสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดร้อยละ 20
– 40
ไปจำหน่ายให้กับประชาชนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งสามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน
และหากมีความจำเป็นจะพิจารณาจัดเพิ่มขึ้นต่อไป
ด้านการตรวจสอบราคาข้าวสารเบื้องต้นไม่พบการปรับขึ้นราคา แม้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปรับตัวสูงขึ้นมากถึงตันละ
15,000-17,000 บาท เนื่องจากมีปริมาณข้าวหอมมะลิเข้าสู่ตลาดน้อยกว่าที่คาด
จากเดิมคาดว่าจะมีผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิ 9-10 ล้านตัน แต่ลดลงเหลือแค่ 7 ล้านตัน
โดยข้าวหอมมะลิสุรินทร์ กิโลกรัมละ 37 บาท ข้าวเสาไห้ กิโลกรัมละ 27 บาท
ทั้งนี้ พ่อค้าแม่ค้าไก่สด ตลาดกลางบางใหญ่ต่างบอกว่า ยอดขายช่วงเปิดเทอมต่างลดลงกว่าครึ่งเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ขณะที่ผู้ปกครองใช้จ่ายเงินในช่วงเทศกาลเปิดเทอมจำนวนมาก
จับจ่ายซื้อของสดน้อยลง ด้านพ่อค้าแม่ค้าเร่ก็ขายไม่ดี
มารับสินค้าไปขายต่อน้อยลงเช่นเดียวกัน ขณะที่ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น
แต่ไม่สามารถขยับขึ้นได้ทันที เพราะคาดจะกระทบลูกค้าและยอดขาย
วอนภาครัฐเข้ามาดูแลและเร่งแก้ไข
นายอิทธิพัทธ์ ภูกิจจีรภรณ์
ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด เปิดเผยว่า
การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มกระทบต้นทุนเพียงเล็กน้อยไม่ถึงร้อยละ 1 เท่านั้น
โดยจะพยายามตรึงราคาขายตามเดิมอยู่ที่ชามละ 35 ถึง 45 บาท
เพราะหากมีการปรับราคาขายขึ้นอาจจะกระทบยอดขาย โดยต้นทุนหลักของแฟรนไชส์ มาจากค่าเช่าที่
ค่าจัดส่งและราคาก๊าซหุงต้มเป็นหลัก โดยตลอดระยะเวลา 10
ปีที่ผ่านมามีการปรับราคาขายขึ้นเพียง 2 ครั้ง จาก 25 บาทมาอยู่ที่ 35 บาท
ซึ่งมองว่า ราคาก๊าซหุงต้มจะปรับขึ้นลงตลอดเวลาอยู่แล้ว ในครั้งนี้จะติดตามใกล้ชิด
หากมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเกินถังละ 420 บาท
อาจจะมีการพิจารณาปรับราคาขายอีกครั้งหนึ่ง. – สำนักข่าวไทย