กรุงเทพฯ 18 พ.ย. – พาณิชย์เผยราคาข้าวพุ่ง คาดปีนี้ส่งออกกว่า 9 ล้านตัน “พิชัย” ตั้งวงถกทูตพาณิชย์อเมริกา-ลาตินอเมริกา ผู้นำเข้ารายใหญ่ เกาะติดสถานการณ์ส่งออกตลาดสหรัฐ กำชับเร่งแสวงหาโอกาสการค้า นำผู้ประกอบการไทยไปขายสินค้าทั่วโลก
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าได้ประชุมติดตามสถานการณ์การค้าและการส่งออกสินค้าไทยในภูมิภาคอเมริกาและลาตินอเมริกา ประชุมที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา วานนี้ (17 พ.ย.) โดยมีทูตพาณิชย์ ณ กรุงวอชิงตัน และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ในภูมิภาคอเมริกาและลาตินอเมริกา ร่วมประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าในตลาดสหรัฐฯ ทำงานเชิงรุก เร่งหาโอกาสทางการค้า การลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ไทย ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มจะเป็นบวก เชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นับเป็นการทำงานแบบพาณิชย์เชิงรุก ช่วยขยายตลาดการค้าการลงทุน
ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์มีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ว่าทิศทางอนาคตจะเป็นอย่างไร สินค้าอะไรที่มีอนาคต ช่วงนี้ข้าวไทยขายดีมาก ราคาต่างประเทศพุ่งขึ้นไปถึง 1,000 กว่าเหรียญสหรัฐฯ/ตัน ราคาในประเทศก็ดีขึ้น ราคาข้าวสูงขึ้นต่อเนื่อง รู้สึกดีใจแทนชาวนา นอกจากนี้ไทยจะเน่งส่งสินค้าไทยที่เป็น Next Level ให้มีการเพิ่มมูลค่า พัฒนาตัวเองทำสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าไฮเทคมากขึ้น
“วันก่อนได้คุยกับท่านทูตไต้หวัน ท่านบอกว่าไทยจะเป็นผู้ผลิต PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์)ที่ใหญ่ที่สุดในโลกต่อไปในอนาคต ทางไต้หวันก็ย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย และไทยจะเป็นศูนย์กลางเซมิคอนดักเตอร์ ชิป สินค้าสมาร์ทต่างๆ เช่น สมาร์ททีวี ตู้เย็น EV และ AI ตอนที่ตนไปประชุมที่เปรูก็มี หลายประเทศให้ความสนใจ ทางแคนาดาก็จะนำนักลงทุนที่มีศักยภาพกว่า 100 คน มาไทยด้วย ซึ่งการค้าการลงทุนในประเทศของเรา ขยายตัวแน่นอน เริ่มมีเงินลงทุนเข้ามาเยอะ อนาคตไทยเป็นบวกมาก ประเทศไทยเนื้อหอม ทิศทางของเราไปได้ดีถ้าเราประคองไปได้ จะกลับมาฟื้นใหม่เป็นการกลับมาใหม่ของเศรษฐกิจไทย กลับมารุ่ง ถ้าเรามีแผนงานและวิธีการดำเนินดำเนินงานที่ดี และคาดว่าการส่งออกปีนี้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้“ นายพิชัย กล่าว
นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ราคาข้าวนาปี 2567/68 พบว่า ราคาปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณข้าวในสตอกของโรงสีลดลง โรงสีบางรายที่มีความต้องการสินค้าเพื่อใช้และเก็บสตอก เสนอราคารับซื้อสูงขึ้น โดยในภาพรวมข้าวเปลือกนาปี 67/68 ออกสู่ตลาดแล้วประมาณ 13.4 ล้านตัน หรือประมาณ 50% โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ต.ค.) ราคาส่งออกข้าวไทยทุกชนิด เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ข้อมูลราคา FOB ราคาส่งออกข้าวหอมมะลิ (ข้าวใหม่) เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 935 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เพิ่มขึ้น 7.59% จากปีก่อน ข้าวปทุมธานีราคาส่งออกประมาณ 875 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เพิ่มขึ้น 24.64% ราคาข้าวขาวส่งออก 603 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เพิ่มขึ้น 11.67% ข้าวนึ่งส่งออก 601 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เพิ่มขึ้น 10.89% และข้าวเหนียวมีราคาส่งออกอยู่ที่ 818 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เพิ่มขึ้น 0.62% ซึ่งสะท้อนกลับไปเป็นราคาข้าวเปลือกสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสูงขึ้นเช่นกัน รวมถึงปริมาณส่งออกข้าวไทยยังมีแนวโน้มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาด้วย
สำหรับราคาข้าว ณ วันที่ 15 พ.ย. 67 ในประเทศ เช่น ข้าวเปลือกเจ้านาปี 67/68 ราคาข้าวแห้ง (ความชื้น 15%) 8,900-10,200 บาท/ตัน,ข้าวเปลือกปทุมธานี (ความชื้น 15%) ปัจจุบันอยู่ที่ 12,500-13,000 บาท/ตัน, ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวแห้ง (ความชื้น 15%) อยู่ที่ 15,500-16,000 บาท/ตัน ข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศพบว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี มีการส่งออกข้าวประมาณ 8.37 ล้านตัน เพิ่มขึ้นกว่า 20% และยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผลผลิตข้าวนาปีของไทยที่กำลังออกสู่ตลาดมีปริมาณเพิ่มขึ้น และมีคุณภาพที่ดี จากปริมาณน้ำที่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูก อีกทั้งยังมีผลผลิตข้าวหอมมะลิไทยที่เพาะปลูกได้ปีละครั้งออกสู่ตลาดในช่วงนี้ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และแคนาดา
ในขณะที่ข้าวขาว ก็มีคำสั่งซื้อจากเอกชนผู้ส่งออกข้าวที่ชนะในการประมูลนำเข้าข้าวของอินโดนีเซียปริมาณ 200,500 ตัน จึงคาดการณ์ว่า ปริมาณส่งออกข้าวไทยในปีนี้จะสูงกว่า 9 ล้านตัน มูลค่ากว่า 6,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 230,000 ล้านบาท และได้มอบให้กรมการค้าต่างประเทศ ทำแผนรองรับการผลักดันการส่งออกข้าวปีหน้าด้วย. -511-สำนักข่าวไทย
