ขนส่งฯ ย้ำโทษหนักตัดสัญญาณ GPS

กรุงเทพฯ  26 เม.ย. – ขนส่งฯ ย้ำดำเนินคดีหนัก  พนักงานขับรถใช้อุปกรณ์รบกวนหรือตัดสัญญาณ GPS  โทษสูงสุดโดนพักใช้ใบอนุญาต  ส่วนผู้ประกอบการมีความผิดโดนสั่งพักใช้รถและอาจเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่ง 


นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกดำเนินมาตรการเชิงป้องกันอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ระบบ GPS Tracking ติดตามพฤติกรรมการขับรถของพนักงานขับรถ ล่าสุดศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ตรวจสอบพบความผิดปกติของข้อมูลการเดินรถ จึงประสานพื้นที่สกัดรถต้องสงสัยเพื่อขอตรวจสอบ GPS พบว่ามีการใช้อุปกรณ์ตัดสัญญาณ GPS ทำให้ข้อมูล พิกัด ตำแหน่งเคลื่อนที่ของรถไม่สามารถส่งข้อมูลมายังศูนย์ฯ ได้ จึงลงโทษตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ฐานกระทำผิดเงื่อนไขใบอนุญาตประกอบการ เปรียบเทียบปรับอัตราโทษสูงสุด และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถพนักงานขับรถทันที ส่วนผู้ประกอบการขนส่งสั่งพักใช้รถ พร้อมสั่งการให้ศูนย์ฯ GPS ทุกจังหวัดตรวจสอบประวัติการเดินรถและรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากพบว่าผู้ประกอบการขนส่งรายใดมีพฤติกรรมรู้เห็นเป็นใจสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวพิจารณาพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งทันที 

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ศูนย์ฯ GPS รวบรวมข้อมูลและตรวจสอบผู้ให้บริการระบบ GPS (Vendor) หากพบเจตนาให้บริการไม่มีคุณภาพหรือเอื้อให้เกิดช่องว่างในการกระทำผิดกฎหมาย แจ้งความดำเนินคดีถึงที่สุดเช่นเดียวกัน และอาจพิจารณายกเลิกการรับรองการเป็นผู้ให้บริการ GPS หรือยกเลิกรุ่น GPS รวมถึงกรณีระบบ GPS Tracking ขัดข้องไม่พบสัญญาณเชื่อมโยงข้อมูล ผู้ให้บริการ GPS ต้องมีส่วนรับผิดชอบต้องดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน และมีความผิดตามกฎหมายปรับวันละ 5,000 บาทต่อคัน จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ 


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบันทึกข้อมูลความผิดของรถติดตั้ง GPS ที่เชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์ฯ GPS ปัจจุบันมีรถ 281,538 คัน พบว่าแนวโน้มการกระทำความผิดลดลง โดยเฉพาะการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนดที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมถึงกรณีพนักงานขับรถไม่รูดบัตรยืนยันตัวตนก่อนออกรถให้บริการ หรือการปฏิบัติหน้าที่เกินชั่วโมงการทำงานที่กฎหมายกำหนด มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง 

สำหรับปัจจุบันมีผู้ให้บริการ GPS ที่ได้รับการรับรองจากรมการขนส่งทางบก 111 ราย และมีจำนวนรุ่น GPS ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก 301 รุ่น ทั้งนี้ เพื่อประสิทธิภาพในการควบคุมกำกับดูแลรถโดยสารสาธารณะและควบคุมพฤติกรรมพนักงานขับรถแบบออนไลน์ Real-time ผ่านศูนย์ฯ GPS กลางที่กรมการขนส่งทางบก ศูนย์ฯ GPS ส่วนภูมิภาค กรมการขนส่งทางบกเข้มงวดเฝ้าระวังและติดตามการเดินรถโดยสารสาธารณะทุกคันและควบคุมพฤติกรรมด้วยมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจังกับผู้กระทำความผิดทุกรายทุกกรณี.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง