พาณิชย์เร่งหาแนวทางแก้ราคาปาล์มตกต่ำ

นนทบุรี  19 เม.ย. – พาณิชย์ติดตามตรวจสอบระบบซื้อขายปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มให้เกิดความเป็นธรรม พร้อมเร่งหาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรโดยเร่งด่วน


นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการกำหนดราคาแนะนำผลปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นการพิจารณาโดยคณะทำงานกำหนดราคาแนะนำผลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) นายกสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม สภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายกสมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และกรมการค้าภายใน โดยคำนึงถึงสถานการณ์การผลิต การตลาดและแนวโน้มในอนาคต เพื่อให้เกษตรกรใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจจำหน่ายผลปาล์มน้ำมัน และจะมีการทบทวนการกำหนดราคาแนะนำดังกล่าวทุก 3 สัปดาห์ โดยคณะทำงานฯ กำหนดราคาแนะนำผลปาล์มน้ำมัน เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 ไม่ต่ำกว่า  กก.ละ 3.80 บาท (18% น้ำมัน) สอดคล้องกับสถานการณ์ขณะนั้น ซึ่งราคาน้ำมันปาล์มดิบมีราคา กก.ละ 21 บาท

หลังจากวันที่ 15 มีนาคม 2561 ผลปาล์มน้ำมันออกตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ราคาผลปาล์มและน้ำมันปาล์มดิบลดลงอย่างรวดเร็ว เหลือ กก.ละ 3.30 บาท และ 19 บาท และมีแนวโน้มลดลงอีก กรมการค้าภายในจึงได้หารือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแล้วและออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าราคาสินค้าและบริการ (23 มี.ค.61) กำหนดราคารับซื้อน้ำมันปาล์มดิบไม่ต่ำกว่า กก.ละ 19 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ราคาผลปาล์มน้ำมัน อยู่ที่ กก.ละ 3.30 – 3.40 บาท เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันปาล์มดิบให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับภาวะตลาด และให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งอยู่ต้นน้ำที่ได้รับผลกระทบ ต่อมาคณะทำงานฯ จึงได้มีการทบทวนราคาแนะนำผลปาล์มน้ำมันใหม่ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2561 ไม่ต่ำกว่า กก.ละ 3.40 บาท (18% น้ำมัน) สอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนั้น ซึ่งราคาน้ำมันปาล์มดิบ มีราคา กก.ละ 19 บาท


ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้จัดคณะติดตามตรวจสอบระบบการซื้อขายปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของโรงสกัดน้ำมันปาล์ม โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม และโรงงานผลิตไบโอดีเซล เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้าในพื้นที่แหล่งผลิตปาล์มน้ำมันฯ จ.ชุมพร กระบี่ สุราษฎร์ธานี สมุทรปราการ และปทุมธานี ในช่วงวันที่ 4 – 5 เมษายน 2561 โดยได้ตรวจสอบการรับซื้อและทำความเข้าใจกับโรงงานสกัดฯ แล้ว ปรากฎว่ามีการปรับราคารับซื้อผลปาล์มสูงขึ้นเป็น กก.ละ 3 บาท ซึ่งสอดคล้องกับราคาน้ำมันปาล์มดิบในขณะนั้น รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดแหล่งผลิตพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำกับดูแล ตรวจสอบ เร่งรัด ให้โรงสกัดน้ำมันรับซื้อผลปาล์มน้ำมันคุณภาพตามเปอร์เซ็นต์น้ำมัน โดยเข้มงวดกวดขันและกำหนดมาตรการไม่ให้นำผลปาล์มน้ำมันที่ไม่ได้คุณภาพกลับเข้าสู่โรงสกัดน้ำมันปาล์มได้อีก ปัจจุบันราคาผลปาล์มสุก (18% น้ำมัน) ในพื้นที่แหล่งผลิตสำคัญ กก.ละ 3.10 – 3.40 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าต้นทุนการผลิตที่ กก.ละ 3 บาท

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าภายในได้เตรียมแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรโดยเร่งด่วน เพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง