กรุงเทพฯ 2 ต.ค.-รัฐบาลผลักดันโครงการตลาดต้องชม ครบ 76 จังหวัดและ กทม. บางแห่งสร้างรายได้ถึง 5 แสนบาทต่อวัน เน้นชูเอกลักษณ์ชุมชน ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ตั้งเป้าผุดตลาดชม ชิม ช้อป 231 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 61
พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลใช้กลไกประชารัฐผลักดันการเปิดตลาดชุมชน ภายใต้โครงการตลาดต้องชม ตามนโยบายของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการส่งเสริมให้คนในท้องถิ่นมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของชุมชน ได้ครบทุกจังหวัดและ กทม. ตามเป้าหมายจำนวน 77 แห่งในปีแรกแล้ว สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนหลักแสนบาทโดยตลาดบางแห่งสามารถสร้างรายได้ราว 4 – 5 แสนบาทต่อวัน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนที่ผลิตสินค้ามาจำหน่ายบางครัวเรือนมีรายได้ 5 – 6 พันบาทต่อวัน
“ตลาดต้องชม เป็นตลาดชุมชนที่มีการซื้อขายสินค้าท้องถิ่นคุณภาพดี ในราคาที่เป็นธรรม และยังคงรักษาอัตลักษณ์ของชุมชนไว้ โดยมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ตลาดให้สวยงาม เป็นระเบียบ ช่วยดึงดูดคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอย ทั้งสินค้าเกษตร หัตถกรรม โอท็อป และสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ตลาดเซราะกราว จ.บุรีรัมย์ ตลาดนาวง จ.นครศรีธรรมราช กาดข่วงเมืองน่าน จ.น่าน ตลาดน้ำลำพญา จ.นครปฐม เป็นต้น”พล.ท. สรรเสริญ กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฝากขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นหลักสนับสนุนให้เกิดตลาดนี้ขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม ตลาดต้องชมจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจระดับฐานราก เป็นจุดเชื่อมโยงและกระจายผลผลิตอย่างทั่วถึง ทำให้เกิดการค้าขายและการท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน คนในชุมชนจึงมีอาชีพ และมีรายได้ นำไปเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ในอนาคต นายกรัฐมนตรีจะร่วมมือกับ ททท. ผลักดันให้ตลาดต้องชมเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ทุกคนรู้จัก และเป็นแหล่งชม ชิม ช้อป ของพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินโครงการตลาดต้องชมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พ่อค้า แม่ค้า ผู้บริโภค และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน โดยรัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มตลาดต้องชมให้ครบ จังหวัดละ 3 แห่ง รวมเป็น 231 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2561 .-สำนักข่าวไทย