สนพ.รณรงค์ลดพีคหน้าร้อน

กรุงเทพฯ  28 มี.ค. – สนพ.พร้อมรับมือพีคไฟฟ้าหน้าร้อน คาดมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 31,000 เมกะวัตต์ พร้อมรณรงค์ “ชั่วโมงช่วยชาติ ลดพีคไฟฟ้ากลางวันและกลางคืน” ผ่านคลิปวิดีโอหนังสั้น


นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ของประเทศช่วงหน้าร้อนปี 2561 คาดว่าจะเกิดขึ้นระหว่างเดือน มีนาคม – พฤษภาคม โดยปี 2560 อยู่ที่ระดับ 30,303 เมกะวัตต์ พีคไฟฟ้าต่ำกว่าที่พยากรณ์ไว้ประมาณ  2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งปีนี้คาดว่าพีคไฟฟ้าจะอยู่ที่ 31,000 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 2.1 ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้พยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าเบี่ยงเบนไปจากคาดการณ์ คือ กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เอง (IPS) ที่อาจจะเติบโตขึ้น และสภาพอากาศที่แปรปรวนอาจส่งผลให้อุณหภูมิลดลง  ซึ่งปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าอุณหภูมิช่วงหน้าร้อนอยู่ที่ 36-38 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลดลง 1 องศาเซลเซียส จะมีผลต่อการใช้ไฟฟ้าประมาณ  400 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ ยังได้รณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักในการประหยัดพลังงานและขอความร่วมมือจากภาคประชาชน เอกชน และอุตสาหกรรม ช่วยกันลดใช้ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ผ่านคลิปวิดีโอหนังสั้น https://youtu.be/gu0iS3MzfFI “ชั่วโมงช่วยชาติ ลดพีคไฟฟ้ากลางวันและกลางคืน”  โดยร่วมรณรงค์ปฏิบัติการ ‘ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน’ การใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าใน 2 ช่วงเวลา ครั้งละ 2 ชม. คือ ลดพีคไฟฟ้าช่วงกลางวัน ตั้งแต่บ่ายโมงถึงบ่าย 3 โมง (13.00 -15.00 น.) และลดพีคไฟฟ้าช่วงกลางคืน ตั้งแต่ 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม (19.00 -21.00 น.) เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันนี้– พฤษภาคม 2561 เนื่องจากเป็นช่วงพีค 


ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดพีคไฟฟ้าไม่ให้สูงขึ้นจนทำสถิติรอบใหม่ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ มาตรการลดพีคเป็นการปรับเปลี่ยนปริมาณและลักษณะการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ เพื่อให้สมดุลกับการผลิตไฟฟ้า เพราะทางเลือกที่ทุกคนทำได้ทันที คือ การปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม 26 องศาเซลเซียส และปรับ Cool mode เป็น Fan mode ปลดปลั๊กไฟเมื่อเลิกใช้ และเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานเบอร์ 5 และเปลี่ยนเวลาที่ใช้ไฟฟ้า คือ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นใน 2 ช่วงเวลา คือ เวลา 13.00-15.00 น. และ 19.00-21.00 น. เพื่อลดปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง