กรุงเทพฯ 25 มี.ค. – กรมปศุสัตว์รายงานคืบหน้าฉีดวัคซีนสุนัข-แมว 3 ล้านตัว ย้ำจำเป็นประกาศเขตโรคระบาด
นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยถึงความก้าวหน้าในการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ว่า การฉีดวัคซีนให้แก่สุนัข-แมว ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรมปศุสัตว์ ที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 8.24 ล้านตัว ได้มีการดำเนินการสะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 จนถึงวันนี้ 3,001,470 ตัว โดยการฉีดวัคซีนรอบจุดเกิดโรคในรัศมี 5 กม.ได้ 100 % แล้ว และคาดว่าในช่วงรณรงค์ (มีค.-พค.) จะได้ร้อยละ 80 ของสุนัข-แมวทั่วประเทศ
สำหรับการผ่าตัดทำหมันซึ่งมีเป้าหมาย 300,000 ตัว มีการดำเนินการสะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 จนถึงวันนี้ 136,992 ตัว และทำการอบรมอาสาปศุสัตว์ด้านโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งตั้งเป้าไว้ 17,500 คน มีผลงานสะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 จนถึงวันนี้ 29,918 คน ซึ่งเป็นอาสาจากท้องถิ่นละ 1-2 ราย ทำงานร่วมกับ อสม. นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ขึ้นทะเบียนสุนัขและแมวแล้ว 7.3 ล้านตัว โดยยอดที่สำรวจสุนัข-แมวปีที่ผ่านมาประมาณ 10 ล้านตัว
ด้านสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในคนที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 24 มีนาคม 2561 มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยหรือเสียชีวิต ส่วนการประกาศเขตโรคระบาดสัตว์ช่วงเดือนมกราคม – 23 มีนาคม 2561 มีการประกาศเขตโรคระบาดชั่วคราว (อายุ 30 วัน) 39 จังหวัด ปัจจุบันคงเหลือ 26 จังหวัด
รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมปศุสัตว์มีเหตุผลความจำเป็นในการประกาศเขตโรคระบาด เพื่อสามารถกำหนดพื้นที่ควบคุมในระยะ 5 กิโลเมตรรอบจุดเกิดโรค ทำให้สามารถระบุชนิดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ต้องควบคุมได้ทุกชนิด ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ตามประกาศเว้นแต่ได้รับอนุญาต และสัตวแพทย์สามารถสั่งดำเนินการกับสัตว์ป่วยหรือสงสัยว่าป่วยหรือสงสัยว่าเป็นพาหะของโรคระบาดได้ทันที.-สำนักข่าวไทย