ธพ.ประสานตรวจสอบน้ำมันเถื่อนชายแดนใต้

กรุงเทพฯ 19 มี.ค. – ภาครัฐเร่งส่งรถเคลื่อนที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันปั๊มหลอดชายแดนภาคใต้ หลังพบขายถูกกว่าปั๊มมาตรฐาน 2 บาท/ลิตร หากพบน้ำมันเถื่อนจะดำเนินการตามกฎหมาย  


จากกรณีผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีปั๊มหลอดขายน้ำมันผิดกฎหมายและน้ำมันผิดกฎหมายบรรจุแกลลอนจำหน่ายอย่างเปิดเผยจำนวนมากในพื้นที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งเปิดขายตลอด 24 ชั่วโมง ในราคาถูกกว่าท้องตลาด โดยจำหน่ายน้ำมันเบนซินลิตรละ 25 บาท และน้ำมันดีเซลลิตรละ 22 บาท เท่านั้น ขณะที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จำหน่ายในปั๊มน้ำมันที่ถูกกฎหมายเสียภาษีให้รัฐขายในราคาลิตรละ 27.90 บาท ส่วนดีเซลลิตรละ 27 บาท 

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้เร่งส่งหน่วยตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงเคลื่อนที่ (Mobile Lab) ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง โดยทำงานร่วมกับศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติในการตรวจสอบต่อไป 


ด้านกรมสรรพสามิต ระบุว่า ลักษณะภูมิประเทศของอำเภอสะเดา เป็นเมืองชายแดนติดประเทศมาเลเซีย  ซึ่งมีช่องทางทางธรรมชาติที่กลุ่มผู้ลักลอบใช้เป็นช่องทางในการขนน้ำมันหนีภาษีเมื่อราคาน้ำมันในประเทศมาเลเซียกับไทยมีความแตกต่างกัน กรมฯ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงให้สนธิกำลังร่วมเข้าทำการตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำผิดโดยด่วนต่อไป และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงผลเสียที่มีผลต่อเครื่องยนต์และกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

ขณะที่การตรวจสอบคุณภาพน้ำมัน โดยการใช้รถตรวจสอบน้ำมันเคลื่อนที่ (Mobile Lab) ในการสุ่มตรวจกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงในการกระทำผิด เพื่อเป็นการป้องปรามและบังคับใช้กฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย โดยการออกตรวจปราบปราม นอกจากการใช้กำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจของสำนักงานสรรพสามิตภาค/พื้นที่ ยังได้มีการบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในการจับกุมปราบปราม 

 นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตได้มีมาตรการป้องกันต่าง ๆ ได้แก่  การใช้สาร Marker ในน้ำมันดีเซล เพื่อแยกแยะน้ำมันที่ยกเว้นภาษีเพื่อส่งออก  การเข้มงวดการใช้ Seal ตามท่อทางรับ-จ่ายของรถบรรทุกน้ำมันส่งออก การชั่งน้ำหนักรถบรรทุกน้ำมันส่งออก โดยด่านชั่งลอย  การติดตามสัญญาณ GPS ซึ่งกรมสรรพสามิตร่วมกับกรมการขนส่งทางบกในการติดตามสัญญาณ GPS รถบรรทุกน้ำมันส่งออกว่ามีการหยุดพักหรือออกนอกเส้นทางหรือไม่อย่างไร. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สั่งระดมสรรพกำลังแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5

นายกฯ ไม่นิ่งนอนใจปัญหา PM 2.5 วิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากดาววอส สั่งการทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังแก้ปัญหา ทำทุกมาตรการให้เกิดผลโดยเร็ว

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่