เปิดขายแล้ว “ไฟฟ้าสีเขียว” UGT1 4.12 บาท/หน่วย ยันไม่กระทบค่าไฟบ้าน

กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – กกพ.จับมือ 3 การไฟฟ้า เปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียว UGT1 ครั้งแรกในไทย ราคา 4.12 บาทต่อหน่วย เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน-ดึงการลงทุน เริ่มใช้ภายใน เม.ย. ยืนยันไม่กระทบค่าไฟบ้าน


สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) พร้อมด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ร่วมกันแถลงข่าว การเปิดให้บริการอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา (Utility Green Tariff แบบที่ 1: UGT1) เป็นการเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียวครั้งแรกในไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรับบริการไฟฟ้าสะอาด รองรับปริมาณความต้องการไฟฟ้าสีเขียวของผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชน และการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า รวมทั้งเป็นหนึ่งในมาตรการจูงใจที่สำคัญรองรับการขยายฐานการลงทุนจากธุรกิจข้ามชาติชั้นนำมายังประเทศไทย

ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ทางการไฟฟ้าทั้ง 3 การ ซึ่งได้แก่ กฟผ., กฟน. และ กฟภ. พร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา (UGT1) โดยเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจภาคเอกชน ที่มีความจำเป็น หรือมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวสำหรับการดำเนินธุรกิจ โดยได้กำหนดอัตรา UGT1 เป็นส่วนเพิ่มจากค่าไฟฟ้าตามปกติหน่วยละประมาณ 6 สตางค์ต่อหน่วย โดยผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการได้ โดยผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ กฟภ. ผ่านแพลตฟอร์ม ugt.pea.co.th ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ กฟน. ที่เว็บไซต์ mea.or.th ลูกค้าตรง กฟผ. ที่เว็บไซต์ egat.co.th ถึงวันที่ 28 ก.พ. 68 ทั้งนี้ ค่าส่วนเพิ่มดังกล่าวจะเรียกเก็บเฉพาะผู้ที่ใช้ไฟฟ้า UGT1 เท่านั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป


ขณะนี้ กฟผ. และการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (กฟน., กฟภ.) จัดเตรียม UGT1 ไว้รองรับความต้องการเป็นปริมาณรวมประมาณ 2,000 ล้านหน่วยต่อปี พร้อมทั้งเตรียมการในการออกเอกสารรับรองไฟฟ้าสะอาดและแหล่งที่มาภายใต้มาตรฐาน I-REC ซึ่งเป็นใบรับรองที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดมาตรฐานหนึ่งในระดับสากล โดยการไฟฟ้าได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา และมั่นใจว่าปริมาณไฟฟ้าสีเขียวจะมีปริมาณเพียงพอในการรองรับความต้องการไฟฟ้าสีเขียวรูปแบบนี้ของภาคเอกชนในช่วงแรกได้ทั้งหมด โดยในช่วงต่อไปจะมีการเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าเจาะจงแหล่งที่มา (UGT2) และ Direct PPA เพิ่มเติม

ทั้งนี้จากการเปิดให้บริการที่ผ่านมาได้มีผู้ติดต่อลงทะเบียนเพื่อสมัครใช้บริการแล้วประมาณ 600 ล้านหน่วย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่นำไปใช้ในการจัดทำรายงานการปล่อยก๊าซฯ ตามนโยบายของบริษัทแม่หรือบริษัทคู่ค้า บริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องการการรับรองไฟฟ้าสีเขียวเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนพลังงานสะอาดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่น ธุรกิจการเงินการธนาคาร อุตสาหกรรมการผลิต ห้างสรรพสินค้า

“การเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียว แบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา หรือ UGT 1 เปรียบเหมือนการติดอาวุธให้กับผู้ประกอบการไทย สามารถเข้าไปแข่งขันในเวทีการค้าและการลงทุนในเวทีโลกได้เป็นอย่างดี ขจัดอุปสรรค ตอบโจทย์การค้าการลงทุนระหว่างประเทศ จูงใจให้ธุรกิจข้ามชาติชั้นนำระดับสากลใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต การค้า และการลงทุนในอนาคต” ดร.พูลพัฒน์ กล่าว


นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า “กฟผ. ได้ร่วมพัฒนา UGT ขึ้นเพื่อตอบโจทย์และเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้ไฟฟ้า หรือ Scope 2 Emissions โดยอาศัยกลไกใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือ REC ตามมาตรฐาน I-REC ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยได้ออกแบบให้มี Arrangement Unit ที่ดำเนินการผ่าน UGT Platform ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดสรรและจับคู่ข้อมูลระหว่างหน่วยผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนกับข้อมูลหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริงของผู้ใช้บริการ นำไปสู่การรับรองและส่งมอบ REC ให้กับผู้ใช้บริการตามแนวทาง Bundled REC ซึ่งเป็นแนวทางที่รวมการชำระค่าไฟฟ้าและค่าบริการใบรับรอง REC ไว้ในธุรกรรมเดียว ดังนั้น UGT จึงไม่เพียงช่วยตอบความต้องการให้กับภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ Net-zero emissions และมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวในประเทศไทย แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพขีดความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวในระดับภูมิภาค เป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล”

นายพิศณุ ตันติถาวร รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์องค์กรและความยั่งยืน กฟน. กล่าวว่า “การไฟฟ้านครหลวงจึงร่วมกับภาครัฐ พร้อมให้บริการจัดหาและส่งมอบพลังงานไฟฟ้าสีเขียว พร้อมใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Certificate (REC) โดยในปี 2568 การไฟฟ้านครหลวง ได้เปิดให้บริการอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียวแบบไม่เจาะจงแหล่งที่มา ที่เรียกว่า UGT1 กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 3, 4 และ 5 เป็นกลุ่มแรก โดยที่ผู้ประสงค์ขอใช้บริการอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียว UGT1 เพียงมีคุณสมบัติ ไม่มีประวัติค้างชำระกับการไฟฟ้านครหลวง และไม่มีคดีความเกี่ยวกับการละเมิดใช้ไฟฟ้า ณ วันที่สมัครใช้บริการ ทั้งนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในพื้นที่ให้บริการของการไฟฟ้านครหลวง (กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ) และมีความประสงค์จะขอใช้บริการอัตราค่าไฟฟ้า UGT1 สามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการลงทะเบียน และลงทะเบียนได้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 โดยช่องทางเว็บไซต์ www.mea.or.th หรือแพลตฟอร์ม (https://eservice.mea.or.th/ugt/)

1) ผู้สมัคร ลงทะเบียนเข้าใช้งาน โดยกรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลของนิติบุคคลให้ครบถ้วน พร้อมทั้งอัปโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตามที่ระบุไว้บนหน้าเว็บไซต์ เช่น เอกสารที่เกี่ยวข้องสำหรับ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นนิติบุคคล เอกสารการมอบอำนาจดำเนินการลงทะเบียน
2) เมื่อเอกสารของผู้ขอใช้บริการ ได้รับการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องจาก กฟน. แล้ว ผู้ขอใช้บริการจะสามารถเลือกและยืนยันปริมาณพลังงานไฟฟ้าสีเขียวที่ต้องการได้ในแต่ละเดือนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
3) ผู้ขอใช้บริการ เข้าจองปริมาณพลังงานไฟฟ้าสีเขียวที่ต้องการ ผ่านหน้าเว็บไซต์ กฟน. โดยระบบจะจัดสรรในรูปแบบ First Come, First Served
4) ผู้ขอใช้บริการที่ได้รับการจัดสรรพลังงาน จะต้องดำเนินการลงนามข้อตกลงเพิ่มเติมสำหรับการใช้บริการอัตรา UGT1 ก่อนเริ่มให้บริการ
การไฟฟ้านครหลวงขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจและสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ทั้งนี้ช่องทางการติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ท่านสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ กฟน. www.mea.or.th.”

นางสาวภูสุดา สงคศิริ ผู้ช่วยผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟภ. กล่าวว่า “กฟภ. มีความพร้อมในการให้บริการ โดยได้เปิดรับสมัครผู้ใช้บริการตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 เป็นต้นมา ผู้สนใจสามารถสมัครใช้บริการผ่านแพลตฟอร์ม ugt.pea.co.th ซึ่งได้รับการออกแบบให้เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ไฟฟ้าหลังจากการยืนยันตัวตนเสร็จสิ้นผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถระบุปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวและยื่นคิวผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ที่ผ่านมา กฟภ. ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องผ่านเว็บไซต์ กฟภ. และช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ และมีผู้ใช้ไฟฟ้าจากกลุ่มอุตสาหกรรม เช่นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเคมีภัณฑ์ และกลุ่มปิโตรเคมีให้ความสนใจและเข้ามาลงทะเบียนแล้วหากผู้ใช้ไฟฟ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อ PEA Contact Center 1129 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง. -517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

หาชมยาก เปิดสะพานกรุงเทพให้เรือผ่าน แห่งเดียวในไทย

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – เป็นอีกครั้งที่สะพานกรุงเทพ ยกขึ้นเพื่อให้เรือผ่าน ปัจจุบันเป็นสะพานแห่งเดียวในไทยที่ยังคงใช้งานเปิด-ปิดได้ โดยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สำคัญตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันมีเรือที่ผ่านน้อยลง ทำให้การยกเปิดแต่ละครั้งได้รับความสนใจ เพราะเป็นภาพที่หาชมได้ไม่บ่อย.-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” ระงับนําเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากไทย

กัมพูชา 22 มิ.ย. – “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศระงับนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง-ก๊าซทุกชนิดจากไทย เริ่มเที่ยงคืนนี้ มั่นใจบริษัทในกัมพูชาหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่นให้ประชาชนได้เพียงพอ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก Hun Manet ระบุว่า บริษัทจัดจําหน่ายน้ำมันในประเทศกัมพูชามีความสามารถในการนําเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซจากแหล่งอื่น เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการบริโภคภายในประเทศของประชาชน แม้จะเป็นเดือน แม้ตลอดไปก็ไม่ใช่ปัญหา เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนนี้ (22 มิ.ย.68) การนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทยจะถูกหยุด.-สำนักข่าวไทย

กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจ นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน

22 มิ.ย. – กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน ป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ ที่ จ.สระแก้ว ตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ บริเวณจุดตรวจ ค.04 อ.คลองหาด มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง กองกำลังบูรพา และกองร้อยทหารพราน พร้อมสุนัข K9 ยังคงเดินหน้าควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาจจะพากันทะลักเข้า-ออก หลังจากที่มีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวและนักพนันข้ามไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งจุดนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงที่มีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่เดินเท้าลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนกว่า 100 กิโลเมตร เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ บรรยากาศชายแดนหาดเล็กเงียบเหงาด้านบริเวณชายแดนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ มีเพียงรถบรรทุกสินค้าทั่วไปรอคิวผ่านแดนข้ามฝั่งไปประเทศกัมพูชา เจ้าของร้านค้าในพื้นที่ เล่าว่า บรรยากาศเงียบเหงามาก วันๆ แทบไม่มีคนซื้อของ ถ้าถามความรู้สึกว่าเดือดร้อนไหม บอกเลยว่ายอมเดือดร้อนดีกว่าเสียดินแดนซ้ำอีก ถ้าจะปิดด่านก็ปิดได้เลย เอาดินแดนไว้ก่อนดีกว่า ส่วนบริเวณด่านถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ นายด่านศุลกากรช่องสะงำ […]

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]