เปิดขายแล้ว “ไฟฟ้าสีเขียว” UGT1 4.12 บาท/หน่วย ยันไม่กระทบค่าไฟบ้าน

กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – กกพ.จับมือ 3 การไฟฟ้า เปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียว UGT1 ครั้งแรกในไทย ราคา 4.12 บาทต่อหน่วย เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน-ดึงการลงทุน เริ่มใช้ภายใน เม.ย. ยืนยันไม่กระทบค่าไฟบ้าน


สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) พร้อมด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ร่วมกันแถลงข่าว การเปิดให้บริการอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา (Utility Green Tariff แบบที่ 1: UGT1) เป็นการเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียวครั้งแรกในไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรับบริการไฟฟ้าสะอาด รองรับปริมาณความต้องการไฟฟ้าสีเขียวของผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชน และการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า รวมทั้งเป็นหนึ่งในมาตรการจูงใจที่สำคัญรองรับการขยายฐานการลงทุนจากธุรกิจข้ามชาติชั้นนำมายังประเทศไทย

ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ทางการไฟฟ้าทั้ง 3 การ ซึ่งได้แก่ กฟผ., กฟน. และ กฟภ. พร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา (UGT1) โดยเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจภาคเอกชน ที่มีความจำเป็น หรือมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวสำหรับการดำเนินธุรกิจ โดยได้กำหนดอัตรา UGT1 เป็นส่วนเพิ่มจากค่าไฟฟ้าตามปกติหน่วยละประมาณ 6 สตางค์ต่อหน่วย โดยผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการได้ โดยผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ กฟภ. ผ่านแพลตฟอร์ม ugt.pea.co.th ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ กฟน. ที่เว็บไซต์ mea.or.th ลูกค้าตรง กฟผ. ที่เว็บไซต์ egat.co.th ถึงวันที่ 28 ก.พ. 68 ทั้งนี้ ค่าส่วนเพิ่มดังกล่าวจะเรียกเก็บเฉพาะผู้ที่ใช้ไฟฟ้า UGT1 เท่านั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป


ขณะนี้ กฟผ. และการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (กฟน., กฟภ.) จัดเตรียม UGT1 ไว้รองรับความต้องการเป็นปริมาณรวมประมาณ 2,000 ล้านหน่วยต่อปี พร้อมทั้งเตรียมการในการออกเอกสารรับรองไฟฟ้าสะอาดและแหล่งที่มาภายใต้มาตรฐาน I-REC ซึ่งเป็นใบรับรองที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดมาตรฐานหนึ่งในระดับสากล โดยการไฟฟ้าได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา และมั่นใจว่าปริมาณไฟฟ้าสีเขียวจะมีปริมาณเพียงพอในการรองรับความต้องการไฟฟ้าสีเขียวรูปแบบนี้ของภาคเอกชนในช่วงแรกได้ทั้งหมด โดยในช่วงต่อไปจะมีการเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าเจาะจงแหล่งที่มา (UGT2) และ Direct PPA เพิ่มเติม

ทั้งนี้จากการเปิดให้บริการที่ผ่านมาได้มีผู้ติดต่อลงทะเบียนเพื่อสมัครใช้บริการแล้วประมาณ 600 ล้านหน่วย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่นำไปใช้ในการจัดทำรายงานการปล่อยก๊าซฯ ตามนโยบายของบริษัทแม่หรือบริษัทคู่ค้า บริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องการการรับรองไฟฟ้าสีเขียวเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนพลังงานสะอาดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่น ธุรกิจการเงินการธนาคาร อุตสาหกรรมการผลิต ห้างสรรพสินค้า

“การเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียว แบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา หรือ UGT 1 เปรียบเหมือนการติดอาวุธให้กับผู้ประกอบการไทย สามารถเข้าไปแข่งขันในเวทีการค้าและการลงทุนในเวทีโลกได้เป็นอย่างดี ขจัดอุปสรรค ตอบโจทย์การค้าการลงทุนระหว่างประเทศ จูงใจให้ธุรกิจข้ามชาติชั้นนำระดับสากลใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต การค้า และการลงทุนในอนาคต” ดร.พูลพัฒน์ กล่าว


นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า “กฟผ. ได้ร่วมพัฒนา UGT ขึ้นเพื่อตอบโจทย์และเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้ไฟฟ้า หรือ Scope 2 Emissions โดยอาศัยกลไกใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือ REC ตามมาตรฐาน I-REC ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยได้ออกแบบให้มี Arrangement Unit ที่ดำเนินการผ่าน UGT Platform ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดสรรและจับคู่ข้อมูลระหว่างหน่วยผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนกับข้อมูลหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริงของผู้ใช้บริการ นำไปสู่การรับรองและส่งมอบ REC ให้กับผู้ใช้บริการตามแนวทาง Bundled REC ซึ่งเป็นแนวทางที่รวมการชำระค่าไฟฟ้าและค่าบริการใบรับรอง REC ไว้ในธุรกรรมเดียว ดังนั้น UGT จึงไม่เพียงช่วยตอบความต้องการให้กับภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ Net-zero emissions และมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวในประเทศไทย แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพขีดความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวในระดับภูมิภาค เป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล”

นายพิศณุ ตันติถาวร รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์องค์กรและความยั่งยืน กฟน. กล่าวว่า “การไฟฟ้านครหลวงจึงร่วมกับภาครัฐ พร้อมให้บริการจัดหาและส่งมอบพลังงานไฟฟ้าสีเขียว พร้อมใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Certificate (REC) โดยในปี 2568 การไฟฟ้านครหลวง ได้เปิดให้บริการอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียวแบบไม่เจาะจงแหล่งที่มา ที่เรียกว่า UGT1 กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 3, 4 และ 5 เป็นกลุ่มแรก โดยที่ผู้ประสงค์ขอใช้บริการอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียว UGT1 เพียงมีคุณสมบัติ ไม่มีประวัติค้างชำระกับการไฟฟ้านครหลวง และไม่มีคดีความเกี่ยวกับการละเมิดใช้ไฟฟ้า ณ วันที่สมัครใช้บริการ ทั้งนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในพื้นที่ให้บริการของการไฟฟ้านครหลวง (กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ) และมีความประสงค์จะขอใช้บริการอัตราค่าไฟฟ้า UGT1 สามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการลงทะเบียน และลงทะเบียนได้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 โดยช่องทางเว็บไซต์ www.mea.or.th หรือแพลตฟอร์ม (https://eservice.mea.or.th/ugt/)

1) ผู้สมัคร ลงทะเบียนเข้าใช้งาน โดยกรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลของนิติบุคคลให้ครบถ้วน พร้อมทั้งอัปโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตามที่ระบุไว้บนหน้าเว็บไซต์ เช่น เอกสารที่เกี่ยวข้องสำหรับ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นนิติบุคคล เอกสารการมอบอำนาจดำเนินการลงทะเบียน
2) เมื่อเอกสารของผู้ขอใช้บริการ ได้รับการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องจาก กฟน. แล้ว ผู้ขอใช้บริการจะสามารถเลือกและยืนยันปริมาณพลังงานไฟฟ้าสีเขียวที่ต้องการได้ในแต่ละเดือนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
3) ผู้ขอใช้บริการ เข้าจองปริมาณพลังงานไฟฟ้าสีเขียวที่ต้องการ ผ่านหน้าเว็บไซต์ กฟน. โดยระบบจะจัดสรรในรูปแบบ First Come, First Served
4) ผู้ขอใช้บริการที่ได้รับการจัดสรรพลังงาน จะต้องดำเนินการลงนามข้อตกลงเพิ่มเติมสำหรับการใช้บริการอัตรา UGT1 ก่อนเริ่มให้บริการ
การไฟฟ้านครหลวงขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจและสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ทั้งนี้ช่องทางการติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ท่านสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ กฟน. www.mea.or.th.”

นางสาวภูสุดา สงคศิริ ผู้ช่วยผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟภ. กล่าวว่า “กฟภ. มีความพร้อมในการให้บริการ โดยได้เปิดรับสมัครผู้ใช้บริการตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 เป็นต้นมา ผู้สนใจสามารถสมัครใช้บริการผ่านแพลตฟอร์ม ugt.pea.co.th ซึ่งได้รับการออกแบบให้เชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ไฟฟ้าหลังจากการยืนยันตัวตนเสร็จสิ้นผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถระบุปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวและยื่นคิวผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ที่ผ่านมา กฟภ. ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องผ่านเว็บไซต์ กฟภ. และช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ และมีผู้ใช้ไฟฟ้าจากกลุ่มอุตสาหกรรม เช่นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเคมีภัณฑ์ และกลุ่มปิโตรเคมีให้ความสนใจและเข้ามาลงทะเบียนแล้วหากผู้ใช้ไฟฟ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อ PEA Contact Center 1129 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง. -517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ฤทธิ์พายุหนองฟ้าทำหลายจังหวัดอ่วม ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก

31 ส.ค. – พายุหนองฟ้าทำพิษ สุโขทัยเจอน้ำท่วมไหลเชี่ยวกรากหลายอำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ขณะที่ จ.พิษณุโลก น้ำป่าหลากท่วมหลายจุด ต้นพะยอม 100 ปี โค่นขวางถนนกลางเมือง ส่วน จ.สกลนคร พายุกระหน่ำกระทบงานไหว้สาพญาเต่างอย พายุหนองฟ้าทำพิษ จ.สุโขทัย น้ำท่วมหลายอำเภอ โดยพื้นที่ที่กระทบหนักคือ อ.ศรีสัชนาลัย อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง อ.เมือง อ.กงไกรลาศ อ.บ้านด่านลานหอย และ อ.คีรีมาศ ซึ่งเช้าวันนี้ ปภ.แจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนให้รับมือ นอกจากนี้พบว่าพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว อ.เมือง มวลน้ำล้นตลิ่งจากแม่น้ำยม ไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรุนแรงและเชี่ยวกราก บ้านเรือนได้รับผลกระทบเกือบ 100 หลัง น้ำป่าเข้าท่วมหลายจุดในพิษณุโลกที่ จ.พิษณุโลก น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ลงสู่ อ.วังทอง และ อ.เนินมะปราง หลังเกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตรเสียหาย โดยถนนทางหลวงช่วงบ้านกกไม้แดง ต.ดินทอง […]

ปชป.ยังไม่มีมติร่วมรัฐบาล กก.บห.มอบหัวหน้าพรรคตัดสินใจ

ปชป. 31 ส.ค. – “เฉลิมชัย” บอก​ ปชป. ยังไม่มีมติเข้าร่วมรัฐบาล ที่ประชุม กก.บห. มอบอำนาจหัวหน้าพรรคตัดสินใจ แจง​จับมือแถลงร่วมเพื่อไทย​ เป็นมารยาท​ เหตุยังร่วม ครม.​ ลั่นสถานการณ์​ปัจจุบัน​ยังไม่มีใครตัดสินใจได้​ ต้องรอฝุ่นจางจะเห็นภาพชัด​ ถ้าด่วนตัดสินใจอาจพลาด​ ย้ำทุกอย่างต้องผ่านมติพรรค ไม่เช่นนั้นเป็นของเถื่อน​ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยใช้เวลากว่า​ 1 ชั่วโมง​ ว่า ต้องบอกว่าวันนี้การเมืองยังไม่มีข้อยุติ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อพูดคุยสถานการณ์การเมืองทั้งหมด และกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนตามข้อบังคับพรรค ซึ่งเมื่อ น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่ง เท่ากับว่ารัฐบาลได้หมดสิ้นไป การดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์จะต้องมาเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมดตามข้อบังคับพรรค เพื่อให้สามารถบริหารงานได้ทันการ ซึ่งที่ประชุมมีมติ ใช้ข้อบังคับ 1 3 และ 4 ยกเว้นการใช้ข้อบังคับพรรค โดยใช้เสียงไม่เกิน 3 ใน 5 ของกรรมการบริหารพรรคที่เข้าร่วมประชุม […]

“ภูมิธรรม” ลาประชุม ก.ตร. มอบ “บิ๊กต่าย” ปธ.เคาะโผนายพล

31 ส.ค.- ก.ตร. ประชุมครั้งที่ 8/2568 จับตาแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ ขณะที่ “ภูมิธรรม” ติดภารกิจ มอบ ผบ.ตร. นั่งประธานแทน วันที่ 31 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จัดประชุมครั้งที่ 8 ประจำปี 2568 โดยมีวาระสำคัญว่าด้วยการบริหารงานบุคคลและการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นการประชุมใหญ่ที่ถูกจับตามองจากทุกฝ่าย ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 7/2568 มีมติเลื่อนการพิจารณามายังวันนี้ เนื่องจากมีหนังสือร้องเรียนหลายประเด็น รวมถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ทำให้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม เวชยชัย ประธาน ก.ตร. ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้เนื่องจากติดภารกิจสำคัญเร่งด่วน จึงมีหนังสือถึงที่ประชุมให้ดำเนินการตามข้อบังคับ ก.ตร. ว่าด้วยการประชุมและการลงมติของ ก.ตร. และคณะอนุกรรมการ […]

พรรคร่วมรัฐบาลตอบรับทุกข้อเสนอ “ปชน.” รอเคาะ

พรรคประชาชน 31 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เผย พรรคร่วมรัฐบาล ตอบรับทุกข้อเสนอ “ปชน.” รอพรรคประชาชนตัดสินใจ ลั่นทำเร็ว ยุบสภาได้ก่อน 4 เดือน ขณะม็อบหนุน พท. โผล่ให้กำลังใจ “เพื่อไทยสู้ๆ” ภายหลังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เข้าหารือกับแกนนำพรรคประชาชนประมาณ 1 ชั่วโมง นายภูมิธรรม ได้นำแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมา แถลงข่าวด้านล่างพรรคประชาชน ขาดเพียงนายเดชอิศม์ ขาวทอง และนายชัยชนะ เดชเดโช แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่ารีบไปประชุม กรรมการบริหารพรรค จึงไม่ได้ร่วมวงสัมภาษณ์ได้ โดยนายภูมิธรรม ระบุว่า ในนามพรรคร่วมรัฐบาล ได้มอบหมายให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการประสานจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาชน ซึ่งตัวแทนที่มาวันนี้ (31 ส.ค.) ก็ครบทุกพรรค ส่วนตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สบาย แต่เขาพร้อม หากไม่สบายใจหรือมีข้อสงสัยก็พร้อมจะซูมเข้ามา ซึ่งข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาลมีความเป็นเอกภาพ เนื่องจากเห็นว่าการเมืองขณะนี้เป็นช่วงวิกฤต เป็นเรื่องที่ควรจะหาทางออกร่วมกัน ดังนั้นหลังจากที่พูดคุยกันแล้วพรรคร่วมรัฐบาลจึงได้มาพูดคุยกับพรรคประชาชน เนื่องจากพรรคประชาชนเป็นพรรคที่เสนอว่า หากใครรับข้อเสนอของพรรคประชาชนได้ ก็จะนำมาตัดสินใจว่าจะให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้(31 […]