ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

กรุงเทพฯ 22 ม.ค. – ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ


ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นที่มาของเหตุการณ์ที่นายเสรี หนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อน ขับรถเฉี่ยวชนกับนายฤทธิศักดิ์ ไรเดอร์ แล้วถูกนายฤทธิศักดิ์ขี่รถตามไปดักหน้า หวังให้ชดใช้ ทำให้นายเสรีโมโห ทำร้ายร่างกายนายฤทธิศักดิ์ ก่อนขับรถชนพุ่งชนจนร่างของนายฤทธิศักดิ์ถูกอัดกับเสาไฟจนเสียชีวิตคาที่ ขณะที่นายเสรีพยายามขับรถหนีไปจนมุมที่แยกนานา เหตุสลดในครั้งนี้นอกจากวงจรปิดยังมีคลิปจากพลเมืองดีที่บันทึกเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน เพราะเกิดขึ้นบริเวณถนนสุขุมวิท ใกล้แยกอโศก ซึ่งมีคนพลุกพล่าน

หนุ่มอินเดียหัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ยังอ้างเป็นอุบัติเหตุ
ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ตำรวจพยายามเค้นสอบปากคำผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย มันเป็นอุบัติเหตุ โดยจังหวะที่ตำรวจคุมตัวออกมาจากห้องสอบ ผู้ต้องหาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ต้องหาปฏิเสธ แต่ตำรวจยืนยันหลักฐานชัด แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น”


ญาติเยี่ยมหนุ่มอินเดีย-พ่อไหว้สื่อ “อย่ามายุ่งครอบครัว”
ขณะที่พ่อและญาติของผู้ต้องหา รวม 7 คน เดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องหาที่ สน.ลุมพินี ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อ โดยเฉพาะพ่อของนายเสรี ผู้ต้องหา ยกมือไหว้ร้องขอว่าอย่ามายุ่งกับครอบครัว ก่อนที่ทั้งหมดจะหลบสื่อเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวน

จากนั้นผู้ต้องหาถูกคุมตัวออกจากโรงพักไปขึ้นรถ เพื่อส่งศาลฝากขัง โดยผู้ต้องหาไม่พูดอะไรเลย มีสีหน้าเรียบเฉยและนั่งนิ่ง

ภรรยาลั่นผู้ต้องหาต้องรับผิดชอบ เยียวยาลูก 4 คน ต้องเสียพ่อ
ด้านนางสาวสายใจ ภรรยาผู้ตาย ซึ่งมา สน.ลุมพินี เพื่อรับเอกสารจากพนักงานสอบสวนนำไปประกอบการรับศพสามีออกจากนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ยอมรับยังโศกเศร้าเสียใจ อยากให้ผู้ต้องหาได้รับโทษ และมารับผิดชอบกับการสูญเสียในครั้งนี้ เพราะลูก 4 คน ต้องมาสูญเสียพ่อที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไป


แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มอินเดียหัวร้อน-ตรวจประวัติไม่ป่วยจิต
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาจริง และไม่ยอมให้การใดๆ ในชั้นพนักงานสอบสวน อ้างว่าจะขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น และการฝากขังวันนี้พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง ส่วนการสอบพฤติกรรมผู้ต้องหาพบว่ามีอารมณ์ค่อนข้างร้ายและรุนแรง รวมถึงมีท่าทีนิ่งเฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่การตรวจประวัติการรักษาอาการป่วยทางจิต สารเสพติด และปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ไม่พบข้อบ่งชี้ที่จะนำไปสู่การมีพฤติกรรมในลักษณะนี้

ล่าสุดศาลอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา พร้อมให้ติดกำไล EM โดยให้ทำสัญญาประกัน หากผิดสัญญาให้ปรับเป็นเงิน 600,000 บาท โดยศาลได้กำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลด้วย

ขณะที่ช่วงบ่าย ภรรยา ลูกสาว และเพื่อนไรเดอร์ เดินทางมาติดต่อรับร่างของนายฤทธิ์ ที่นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดคลองเตยใน ซึ่งทันทีที่ลูกสาวคนรอง และญาติ เห็นร่างนายฤทธิ์ พากันร้องไห้โฮกอดกัน เพราะยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ภรรยาจุดธูป 1 ดอก เรียกดวงวิญญาณสามีให้เดินทางไปที่วัดคลองเตยใน

เวลา 14.00 น. ร่างของนายฤทธิ์ เดินทางถึงวัดคลองเตยใน ภรรยาพยายามจัดท่านอนให้สามี เนื่องจากสามีถูกชนจนร่างผิดรูป รวมถึงยังแกะมือของสามีที่กำหมัดไว้แน่น ระหว่างที่แกะมือภรรยาพูดกับสามีว่า “ไม่ต้องแค้นเขาแล้ว หลับให้สบาย”

ทีมข่าวพูดคุยกับน้องแพทและน้องพั้นช์ ลูกสาวคนรองและคนโตของผู้ตาย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ตนเป็นห่วงเรื่องคดี เพราะอยากให้พ่อได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก ในฐานะคนเป็นลูก รับไม่ได้

ส่วนวันนี้ตอนที่ได้เห็นร่างของพ่อ ตนบอกกับพ่อว่า “ขอให้พ่ออโหสิกรรมให้กับหนู ทุกสิ่งทุกอย่างที่หนูได้ทำผิดพลาดหรือได้ทำไม่ดีกับพ่อ หนูอยากขอโทษพ่อ และสัญญาว่าจะดูแลน้อง พี่สาว และแม่ ขอให้พ่อไม่ต้องเป็นห่วง หลับให้สบาย”

ส่วนคลิปที่เกิดเหตุตนได้ดูแล้วรู้สึกรับไม่ได้ ไม่คิดว่าเขาจะใจร้ายทำกับพ่อรุนแรงขนาดนี้ ตนรู้สึกเสียใจมาก อยากถามเขาว่า “ไม่สงสารพ่อหนูเหรอ พ่อหนูเขามีลูก มีครอบครัวที่ต้องดูแล เป็นเสาหลักของครอบครัว และเขาไม่คิดบ้างเหรอ ถ้าหนูขาดพ่อจะรู้สึกอย่างไร”

เมื่อถามว่าหากคู่กรณีจะมาขอขมาศพพ่อวันนี้ จะยินดีหรือไม่ น้องพั้นช์ บอกว่า “หนูยินดี แต่ถึงแม้ว่าจะมาขอขมาศพ แต่หนูก็ไม่ให้อภัย ไม่อโหสิกรรมให้ ที่สำคัญพ่อเป็นโลกทั้งใบของหนู”

จากนั้น 14.30 น. ภรรยาได้เดินทางไปเชิญดวงวิญญาณสามีที่จุดเกิดเหตุ ถนนสุขุมวิท ระหว่างสุขุมวิทซอย 8 และซอย 10 โดยได้นิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป เพื่อทำพิธี พร้อมกับนำรองเท้าและเสื้อผ้าตัวโปรดของสามีไปเป็นสื่อกลางในการเรียกดวงวิญญาณกลับมาบำเพ็ญกุศลที่วัดในคืนนี้ ซึ่งมีพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นคืนแรก

นอกจากนี้ที่จุดเกิดเหตุมีกลุ่มเพื่อนไรเดอร์ของผู้ตาย รวมตัวกันจุดเทียน วางดอกไม้ เพื่อไว้อาลัยนายฤทธิ์ พร้อมกับเขียนป้ายข้อความเรียกร้องความเป็นธรรม ระบุว่า “ฆาตกรต้องไม่ลอยนวล The murderer must not go unpunished. #SaveRider” รวมถึงยังได้รวบรวมเงินเพื่อมอบให้ภรรยาของนายฤทธิ์ ช่วยเหลือจัดงานศพ

นายอดิเรก ตัวแทนเพื่อนไรเดอร์ บอกว่า ที่ต้องมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมเพราะเห็นว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนมีเงิน เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ยืนยันว่าผู้ตายไม่ใช่คนใจร้อน เลิกงานเที่ยงคืนก็กลับบ้าน ทำงานหาเงิน เพื่อมาดูแลครอบครัว เพราะเขาเป็นเสาหลัก จึงไม่อยากให้น้องตายฟรี และอยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต
นายคมสันต์ พ่อของผู้ต้องหา พร้อมภรรยา และทนายความ เดินทางมาขอขมาศพนายฤทธิ์ กราบขอโทษ พ่อและภรรยาของผู้เสียชีวิตทันที ก่อนจะออกมาเปิดใจว่า ลูกชายของตนไม่ได้เจตนา หลังจากศาลให้ประกันตัวออกมา ตนยังไม่ได้เจอหน้าเลย แต่เชื่อว่าอยากจะมาขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งตนได้พูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตในเรื่องการเยียวยาแล้ว และจะเป็นเจ้าภาพในการสวดศพตลอด 3 คืน ก่อนจะเดินทางกลับในทันที

สำหรับงานสวดอภิธรรมศพของนายฤทธิศักดิ์ หรือ ริด จะสวด 3 คืน และจะทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 25 ม.ค.นี้ เวลา 17.00 น. ขณะที่นายรัชพล ศิริสาคร โพสต์เฟซบุ๊ก ยินดีเป็นทนายให้ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกรถชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย