ครอบครัว “ติ๊ก ชิโร่” ยันช่วยเหลือเหยื่อมาตลอด

กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – ครอบครัว “ติ๊ก ชิโร่” ยืนยันที่ผ่านมา ช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อมาตลอด ย้ำ 24 ล้าน เป็นวงเงินที่สูงไป ณ ตอนนี้ครอบครัวพร้อมชดใช้ได้ที่ 2 ชีวิต 4-5 ล้านบาท ส่วน “ติ๊ก” ระบุไม่ขอให้สังคมให้อภัยตัวเอง


จากกรณีนายมนัสวิน นันทเสน หรือ ติ๊ก ชิโร่ ศิลปินชื่อดัง เมาแล้วขับรถชนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตไปเมื่อช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุดผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ดังกล่าวเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย จน ทำให้ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตถึง 2 ราย คือ น.ส.เทียนพร หรือเมจิ อายุ 28 ปี เสียชีวิตคาที่ในวันที่เกิดเหตุ และนายจักรภัคร หรือจูเนียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี 2 ที่เสียชีวิตในวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ติ๊ก ชิโร่ ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าวว่า การแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการพูดคุยเพื่อชี้แจงความเป็นจริง ไม่ใช่เป็นการแก้ต่าง หรือแก้ตัว ครั้งนั้นเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครที่อยากจะให้เกิดขึ้น ทั้ง 2 ครอบครัวรู้สึกสูญเสียทั้งร่างกาย และจิตใจ ถ้าตนเลือกได้คงไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมา มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะต้านทานได้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วเราต้องยอมรับความเป็นจริง และหาทางในการแก้ไขเยียวยา และหาหนทางที่จะให้สองครอบครัวดำรงชีวิตต่อไปได้ และก้าวเดินต่อไป


“เป็นการสูญเสียอย่างมากในช่วงชีวิตนี้ แต่ในวิกฤตก็จะมีบางสิ่งบางอย่างที่สวยงามเสมอ ก็เหมือนกับดอกไม้ที่เกิดขึ้นท่ามกลางซากปรักหักพัง ของทั้งจิตใจ มีหลายครั้งที่ไม่สามารถที่จะทนได้ แต่บางครั้งก็เหมือนน้ำฝนชโลมจิตใจ จึงขอขอบคุณพ่อแม่ผู้เสียชีวิต ที่ 2 ครอบครัวพยายามเอาใจใส่ซึ่งกัน และหาแนวทางออก พร้อมเห็นอกเห็นใจกัน“ ติ๊ก ชิโร่ กล่าว

เมื่อวานนี้ตนได้เจอ น.ส.จิณห์นิภา อายุ 24 ปี (ลูกสาวคนกลางที่รอดชีวิต) ในงานศพของน้องจูเนียร์ ตนได้เดินเข้าไปและจับมือพร้อมบอกกับน้องว่าให้เข้มแข็ง เราจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ ก่อนที่จะรีบปล่อยมือออก เพราะตนจะไม่สามารถกลั้นน้ำตา ซึ่งหลายคนอาจจะเห็นว่าตนมีท่าทีที่เข้มแข็งแต่จิตใจของตนนั้นแตกสลาย

ในส่วนของเรื่องการเยียวยานั้นตนจะมีการพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและจะมีการแต่งเพลงให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากปล่อยเพลงออกไปแล้วมีรายได้เข้ามาก็จะนำเงินทั้งหมดนั้นมอบให้กับทางครอบครัวเพื่อเป็นการเยียวยาอีกทาง


ด้าน น.ส.เอ๋ น้องสาวภรรยาติ๊ก ชิโร่ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุขึ้น ทางพี่ติ๊กได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง และไม่เคยกลับคำให้การสักครั้ง พร้อมกับนำหลักฐานกล้องหน้ารถส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และที่มีการยื่นหนังสือรับรองขอความเป็นธรรมไปตามที่เป็นข่าว เป็นเพียงการขอให้สอบพยานเพิ่มเติมที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดี และในส่วนการเจรจาความเสียหาย ที่คุณพ่อของผู้เสียชีวิตออกมาบอกว่าพี่ติ๊กไม่เคยไปเจรจานั้น ในวันแรกที่เกิดเหตุตัวพี่ติ๊กเข้าโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย ตนจึงเป็นคนประสานงานให้ตั้งแต่วันแรก และทราบว่าในวันเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนคือน้องเมจิ ทางครอบครัวตนจึงจ่ายให้ไป 100,000 บาท และเมื่อพี่ติ๊กออกจากโรงพยาบาลได้ ก็ไปงานรดน้ำศพและสวดอภิธรรมงานศพของน้องเมจิทุกวัน เมื่องานเสร็จสิ้นทางเราก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการทำพิธีศพให้กับตัวคุณพ่อผู้เสียชีวิตไปอีก 75,530 บาท

หลังจากนั้นทางฝั่งพี่ติ๊กและครอบครัวผู้เสียชีวิตก็มีการนัดเจรจากันครั้งแรกที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในวันที่ 12 ต.ค. โดยมีผู้ใหญ่ร่วมรับฟังด้วย ซึ่งวันดังกล่าวก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เนื่องจากน้องจูเนียร์ยังอยู่ในห้องไอซียู จึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ โดยหลังจากนั้นพี่ติ๊กและคุณพ่อของผู้เสียชีวิตก็มีการแลกช่องทางติดต่อกัน และมีการติดต่อกันอยู่ตลอด โดยต่อมาทางฝั่งพี่ติ๊กก็มีการนัดเจรจากับครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้งที่บ้านของพี่ติ๊ก ซึ่งวันนั้นทางครอบครัวผู้เสียชีวิตมีการเสนอขอค่าเยียวยา 9 ล้านบาท แต่ในวันดังกล่าวยังมีการพูดไม่ชัดเจนว่า 9 ล้าน คือแค่น้องเมจิคนเดียวหรือไม่ โดยตนมาทราบภายหลังว่า 9 ล้านบาท คือค่าเยียวยาของน้องเมจิคนเดียว ซึ่งหลังจากนั้นทางพี่ติ๊กก็มีการไปเยี่ยมน้องและซื้อของที่จำเป็นและมีการถามไถ่อาการอยู่ตลอด

ต่อมาก็มีการนัดหมายอีกครั้งที่ สน.คันนายาว ในวันที่ 19 ต.ค. ตนจึงเข้าไปเจรจาแทนพี่ติ๊ก โดยระหว่างพูดคุยกันก็มีการประสานกับประกันภัย ซึ่งในวันนั้นประกันยินยอมจ่ายให้จำนวน 500,000 บาท ซึ่งทางประกันภัยแจ้งว่าวงเงินที่จะจ่ายเยียวยา สำหรับคนเจ็บและผู้เสียชีวิตนั้นสูงสุดคนละ 1 ล้านบาท แต่หากทางติ๊กเป็นฝ่ายผิด ก็จะจ่ายเพิ่มอีกคนละ 500,000 บาท ทำให้ญาติเข้าใจผิดว่า ทางเราจะเยียวยาเพียงแค่ 3 ล้านบาท ทางญาติของผู้เสียชีวิตจึงเดินมาบอกว่าหากขับรถชนลูกสาวของติ๊กบ้าง แล้ววางเงินให้ 3 ล้านบาท ได้หรือไม่ ตนรู้สึกว่าคำพูดนี้แทงใจ และคิดว่าการเจรจาไม่ควรพูดกันแบบนี้

ซึ่งระหว่างนั้นที่น้องจูเนียร์ได้ทำการรักษาพยาบาล ทางคุณพ่อของน้องก็ได้มีการติดต่อมาทางพี่ติ๊กให้ช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ พี่ติ๊กยินยอมจ่ายไปตลอด 3 เดือนที่เกิดขึ้น โดยจ่ายไป 420,000 บาท ซึ่งหากรวมกับเงินที่ประกันภัยจ่ายไปแล้ว 500,000 บาท ก็จะอยู่ที่ 920,000 บาท ในส่วนนี้จะมองว่าเป็นเงินเยียวยาหรือไม่ก็สุดแล้วแต่จะพิจารณา นอกจากนี้ในส่วนของ พ.ร.บ.รถยนต์ ได้แจ้งว่าจะไม่สามารถจ่ายเงินให้ก่อนได้ เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด

หลังจากนั้นตนจึงมีการปรึกษาหารือกันภายในครอบครัว และคิดว่าจะนำทรัพย์สินที่ดินใน จ.นครราชสีมา 1 แปลงออกมาขาย โดยราคาที่ดินขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้เพราะโฉนดอยู่ในตู้เซฟ โดยทางพี่สาวหรือภรรยาของพี่ติ๊กเป็นผู้เก็บไว้ แต่พี่สาวอยู่ต่างประเทศ แต่คาดว่าราคาจะอยู่ที่ 4-5 ล้านบาท โดยจะนำมาขาย หากขายไม่ได้ก็จะนำมาโอนให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดฝั่งพี่ติ๊กจะเป็นผู้ออก

กระทั่งวันที่ 13 ม.ค. ที่เป็นการเจรจากันครั้งสุดท้ายในชั้นของสถานีตำรวจ โดยมีผู้กำกับมานั่งร่วมเจรจาด้วย ในวันดังกล่าวทางฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้เสนอตัวเลขค่าเยียวยาของน้องจูเนียร์ 18 ล้านบาท และของน้องเมจิ 6 ล้านบาท รวมเป็น 24 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมองว่ายังไม่สามารถที่จะให้ได้ เนื่องจากยอดเงินสูงหาให้ไม่ทัน จะต้องมีการปรึกษากับทางครอบครัวก่อน และการเจรจานี้ยังไม่ถึงสิ้นสุด แต่ยืนยันว่าขณะนี้ทางครอบครัวของพี่ติ๊กสามารถเยียวยาทั้ง 2 ชีวิตได้ในวงเงิน 4-5 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเยียวยาได้สูงสุดเท่าไร

ขณะที่ ทนายกันตเมธส์ จโนภาส กล่าวว่า ในส่วนแนวทางการดำเนินคดี ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจในชั้นสอบสวนที่ต้องเรียกติ๊ก ชิโร่ ไปแจ้งข้อกล่าวหาใหม่ เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็นข้อหาเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต้องรอจนกว่าจะถึงการสรุปสำนวน เราไม่ขอก้าวล่วง แต่เมื่อทราบผลคดีหรือการสรุปสำนวนของพนักงานสอบสวน และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการเป็นอย่างไรนั้น เราก็จะดำเนินการร้องขอความเป็นธรรม เพื่อขอให้ทำคดีให้ออกมาถูกต้องตามความเป็นจริงของกฏหมาย

ซึ่งในส่วนคลิปหน้ารถที่เราไม่ได้นำมาเปิดเผยเพราะว่าอยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ติ๊กไม่เคยปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้กระทำความผิด เพราะติ๊กรับสารภาพ แต่เรามองว่าเหตุการณ์ในคดีนี้ ความผิดจะเกิดจากฝ่ายติ๊ก ฝ่ายเดียวหรือไม่ คงต้องรอผลจากพนักงานสอบสวนก่อน และทางทนายความได้ทำหนังสือไปที่พนักงานสอบสวนเพื่อให้สรุปสำนวนคดีส่งอัยการเป็นไปตามข้อกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ได้มีการนัดวันเคลียร์ค่าเยียวยาอีกครั้ง ต้องรอพนักงานสอบสวนเรียกตัวไปแก้ไขสำนวนแล้วแจ้งข้อกล่าวหาใหม่อีกครั้ง ซึ่งเราก็พร้อมจะเจรจา หากเจรจาแล้วไม่ได้ผลก็จะเจรจาใหม่ และหากสรุปสำนวนคดีไม่เป็นธรรมก็จะร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการเพื่อรักษาสิทธิ์ของเราเอง

“ต้องเข้าใจกฎหมายของประเทศไทยก่อนว่าต้องยอมรับต้องความเป็นจริง บางทีค่าของคนมันไม่เท่ากัน เรารู้ว่าชีวิตเดียวเท่ากัน ตรงนี้น่าจะเข้าใจตรงกัน”

ขณะที่ ติ๊ก ชิโร่ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปกติแล้วเป็นคนที่ระมัดระวังเรื่องกฏจราจรเป็นอย่างมาก ขนาดพาสุนัขไปเดินเล่นก็จะใส่หมวกกันน็อคทุกครั้ง หรือขับขี่รถจักรยานยนต์ก็จะใส่หมวกกันน็อกเสมอ และหลายครั้งที่ตนเห็นเยาวชนไม่ใส่หมวกกันน็อค ก็จะเข้าไปเตือนตลอด เพราะชีวิตมีค่า ซึ่งที่ผ่านมาเคยใช้บริการเรียกคนมาขับรถให้ แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของตนในช่วงวัย 63 ย่าง 64 ที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขนาดนี้ แต่ตนก็ไม่ได้ขอให้สังคมให้อภัยตนเอง โดยก่อนเกิดเหตุปกติแล้วตนเป็นคนที่มีนิสัยเฮฮาแต่หลังเกิดเหตุจะต้องระมัดระวัง เพราะจะกลายเป็นข้อครหาของสังคม

อีกทั้งที่ผ่านมาตนได้ไปเยี่ยมน้องจูเนียร์ที่โรงพยาบาลและได้ฝากฝังให้เจ้าหน้าที่ดูแลน้องจูเนียร์ แต่น้องจูเนียร์ จะต้องกลับมาอยู่ที่บ้าน ซึ่งทางครอบครัวนั้นไม่มีที่สำหรับดูแลน้องจูเนียร์ จึงได้ส่งน้องจูเนียร์ไปที่ศูนย์ผู้ป่วยติดเตียงที่ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 50,000 บาท ซึ่งตนจ่ายไปเดือนแรก 50,000 เดือนที่ 2 จ่ายไป 100,000 บาท ซึ่งไม่มีใครคิดว่าน้องจะเสียชีวิต.-414-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

แบ่งงานรองนายกฯ ใหม่ หลัง ภท. ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล

กรุงเทพฯ 21 มิ.ย. – นายกฯ ลงนามคำสั่งแบ่งงานรองนายกฯใหม่ หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล “ภูมิธรรม” กำกับดูแล “มหาดไทย” ไร้ชื่อ “พีระพันธุ์” กำกับงานส่วนไหนเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมตรี ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 184/2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 มิ.ย.68 โดยรายละเอียดในคำสั่งมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา (รวมทั้งราชการของราชบันฑิตยสภา) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐนตรี มอบอำนาจให้กำกับบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ […]

“ฮุนเซน” เย้ยหากไทยหยุดขายน้ำมันให้ กระทบตัวเอง

กัมพูชา 21 มิ.ย.-“ฮุนเซน” โพสต์เฟซบุ๊กล่าสุด เย้ยหากไทยหยุดขายน้ำมันให้กัมพูชา จะกระทบบริษัทของไทยเอง ความเคลื่อนไหวล่าสุดจาก เฟซบุ๊ก “ฮุนเซน” เวลาประมาณ 22.30 น. ที่ผ่านมา โพสต์ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทยว่า เกมแห่งการคุกคามที่อาจนำไปสู่การทำลายตัวเอง วันนี้ พรรคฝ่ายค้านของไทยได้เสนอให้รัฐบาลไทยหยุดขายน้ำมันให้กับกัมพูชา เพื่อกดดันให้กัมพูชายอมจำนน ในการนี้ เราขอยืนยันอย่างชัดเจนว่า กัมพูชาจะไม่ล้มเหลวเพียงเพราะไม่ได้ซื้อน้ำมันจากประเทศไทย ในทางกลับกัน อาจเป็นบริษัท PTT ของไทยเองที่ต้องเผชิญกับผลกระทบ คุณต้องการให้บริษัท PTT ของไทยล่มสลายใช่หรือไม่? ถ้าคุณต้องการเช่นนั้น ก็จงเดินหน้าต่อไปตามแผนของคุณ กัมพูชาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่คุณใช้คุกคามเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า แรงงาน และตอนนี้น้ำมันก็ถูกใช้เป็นอาวุธอีกหนึ่งอย่างในเกมนี้ ในอดีตคุณเคยดูถูกและเลือกปฏิบัติต่อแรงงานกัมพูชา ใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือต่อรอง แต่เมื่อเราประกาศว่าจะรับแรงงานกลับประเทศ คุณก็เปลี่ยนท่าทีทันที กลับมาปลอบโยนและดูแลแรงงานเหล่านั้น ทำไม? เพราะถ้าแรงงานกัมพูชาถอนตัวจากโรงงาน ฟาร์ม บริษัท และไซต์ก่อสร้าง ธุรกิจจำนวนมากในไทยอาจต้องปิดตัวลงเพราะขาดแรงงาน หากคุณกล้าจริง ก็ลองไล่แรงงานกัมพูชาออกให้หมด แล้วมาดูกันว่าจะกระทบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน น้ำมันก็เช่นเดียวกัน ลองดูได้เลย แต่อย่าลืมปรึกษาบริษัท PTT ของไทยก่อน เพราะนั่นอาจหมายถึงการทำลายธุรกิจของพวกเขา […]

แม่ทัพภาคที่ 2 ยันการเมืองไม่กระทบการทหาร

นครพนม 21 มิ.ย.-พล.ท.บุญสิน แม่ทัพภาคที่ 2 เผยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงสงบ ความตึงเครียดส่วนใหญ่เป็นการเมืองภายใน ระบุไม่กระทบการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพ ภายหลังเป็นประธานในพิธีถวายพระพุทธรูป และประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดสว่างสุวรรณาราม จ.นครพนม พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน ว่า ยังคงสงบ ไม่มีเหตุรุนแรงหรือการขยับกำลังทหารที่น่าเป็นห่วง ฝ่ายกัมพูชายังอยู่ในเขตแดนของตนไม่มีการรุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทย ความตึงเครียดส่วนใหญ่เกิดจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไทยมากกว่า ซึ่งทางกองทัพจะยังคงมุ่งเน้นการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ การเคลื่อนไหวทางการเมืองภายในประเทศ ไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพในการดูแลรักษาชายแดน ส่วนที่มีกลุ่มชาวกัมพูชาร้องเพลงที่ปราสาทตาควายนั้น กองทัพไทยได้ประสานกับทางการกัมพูชาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เหตุการณ์ดังกล่าวคาดว่าเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า ไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางทหารโดยตรง ส่วนข่าวความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีกับแม่ทัพนั้น เป็นเพียงความเข้าใจผิดและได้มีการชี้แจงและขอโทษกันแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของกองทัพแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งไปรษณีย์ไทย ช่วยชาวสวนกระจายผลไม้กว่า 3 พันตัน

ทำเนียบ 21 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งไปรษณีย์ไทย ช่วยชาวสวนกระจายผลไม้กว่า 3 พันตัน ส่งฟรีทั่วประเทศ ลดต้นทุน แก้ปัญหาผลไม้ตกค้างจากสถานการณ์ชายแดน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน โดยเฉพาะกรณีประเทศกัมพูชาชะลอการนำเข้าผลไม้จากไทย ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาตกต่ำและผลผลิตตกค้าง รัฐบาลได้ร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นำระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทั่วประเทศ เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรในการขนส่งผลไม้ โดยไม่คิดค่าจัดส่งทั่วประเทศ นายอนุกูล กล่าวต่อว่า มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยกระจายผลผลิตผลไม้สำคัญของไทย เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย ลองกอง เงาะ และมะม่วง ให้ได้ไม่น้อยกว่า 3,000 ตัน ผ่านช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคดิจิทัล โดยเกษตรกรสามารถจำหน่ายผลไม้ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ทั้งนี้ กรมการค้าภายในยังได้จัดเตรียมบรรจุภัณฑ์เพื่อสนับสนุนการจัดส่ง โดยจัดทำกล่อง DIT ขนาด 10 กิโลกรัม จำนวน 188,000 กล่อง และตะกร้าขนาด 5 กิโลกรัม […]