รฟท.แจงรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รัฐไม่เสียเปรียบ

กรุงเทพฯ  7 มี.ค. – รฟท.แจงรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน  รัฐไม่เสียเปรียบเอกชน สิ้นสุดสัญญาทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของรัฐ


นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงกรณีมีสื่อระบุโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รัฐบาลลงทุน 123,784 ล้านบาท ขณะที่เอกชนลงทุน 90,000 ล้านบาท และได้สัมปทานผูกขาด 50 ปี ถือเป็นเงื่อนไขร่วมทุนที่รัฐบาลเสียเปรียบเอกชนจำนวนมาก ว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)  สามารถสร้างผลตอบแทนต่อเศรษฐกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มจากการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง มูลค่าเพิ่มจากการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการลดระยะเวลาการเดินทาง ลดปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ลดอุบัติเหตุ และลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม รวมถึงภาษีเข้ารัฐเพิ่มเติม คิดเป็นมูลค่ากว่า 650,000 ล้านบาท โครงการนี้จึงเป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และเนื่องจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเป็นโครงการที่มีวงเงินลงทุนสูง มีรายละเอียดทางเทคนิคซับซ้อน การร่วมลงทุนกับเอกชนจะช่วยประหยัดงบประมาณ และลดความเสี่ยงของภาครัฐ และยังช่วยให้ภาครัฐได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์จากภาคเอกชนอีกด้วย

ส่วนหลักการการร่วมลงทุนกับเอกชนในกิจการของรัฐเป็นการจัดสรรความเสี่ยงระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเป็นการร่วมลงทุนแบบ PPP Net Cost มีจุดประสงค์เพื่อให้ภาครัฐโอนความเสี่ยงด้านปริมาณผู้โดยสารให้กับเอกชน ทั้งนี้ ภาครัฐยังคงดำเนินการในส่วนของการเวนคืนที่ดินหรือจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งภาคเอกชนไม่สามารถดำเนินการได้และภาครัฐยังคงมีหน้าที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เห็นได้จากโครงการรถไฟฟ้าที่ผ่านมารัฐบาลจะเป็นผู้ลงทุนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน และเอกชนจะร่วมลงทุนในส่วนของการจัดหาขบวนรถ เดินรถ และซ่อมบำรุง ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ เช่น รถไฟฟ้าบีทีเอสหรือรถไฟฟ้าใต้ดินที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน


สำหรับวงเงินที่รัฐบาลร่วมลงทุนกับเอกชนนั้น อยู่บนหลักการร่วมลงทุนไม่เกินมูลค่าก่อสร้างงานโยธา ตามผลการศึกษาหรือวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธาตามที่เอกชนลงทุนจริง บนพื้นฐานหน้าที่ของรัฐในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอยู่แล้วข้างต้น ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า

สายสีเหลือง และสายสีชมพู ของ รฟม. ที่ผ่านมา  ขณะที่การให้สัมปทานเอกชนเป็นเวลา 50 ปี เนื่องจากผลการศึกษาโครงการพบว่าขนาดของโครงการที่มีเงินลงทุนกว่า 200,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนที่สูงและมีความเสี่ยงมาก จึงต้องใช้ระยะเวลาคืนทุนมากกว่าโครงการโดยทั่วไป  รูปแบบการร่วมลงทุนดังกล่าว ยังเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐในอีกหลายด้าน เช่น ภาครัฐไม่ต้องรับความเสี่ยงการขาดทุนจากการดำเนินงาน เช่น หากปริมาณผู้โดยสารน้อยกว่าที่ประมาณการไว้  ภาครัฐไม่มีความเสี่ยงด้านการเปิดให้บริการล่าช้ากว่า 5 ปี และสามารถควบคุมงบประมาณได้ เนื่องจากเอกชนจะไม่ได้รับเงินที่รัฐร่วมลงทุนหากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ และหากเอกชนมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ ภาครัฐก็จะจ่ายเงินร่วมลงทุนเท่าเดิมโดยไม่เกินกรอบงบประมาณที่วางไว้ นอกจากนี้ สัญญายังกำหนดให้เอกชนต้องจ่ายค่าปรับหากดำเนินการก่อสร้างเสร็จล่าช้าอีกด้วยทั้งนี้ ภาครัฐมีโอกาสประหยัดเงินที่ร่วมลงทุนได้ หากมีการแข่งขันในการประมูล เนื่องจากเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน จะพิจารณาจากผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านคุณสมบัติและข้อเสนอทางเทคนิค ที่ขอรับเงินร่วมลงทุนจากรัฐน้อยสุด 

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนี้ เอกชนจะต้องลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 220,000 ล้านบาท โดยภาครัฐจะทยอยผ่อนจ่ายเงินร่วมลงทุนให้เอกชนในกรอบวงเงินไม่เกินค่าก่อสร้างงานโยธา หลังจากที่เอกชนก่อสร้างเสร็จและเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแล้ว โดยจะทยอยจ่ายเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการรับประกันความสำเร็จของโครงการ และช่วยลดภาระด้านงบประมาณของภาครัฐลงได้ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเงื่อนไขการร่วมลงทุนดังกล่าวคำนึงถึงประโยชน์ของภาครัฐ ความเป็นไปได้ของการร่วมลงทุน และการจัดสรรความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างรอบคอบแล้ว โดยภาครัฐไม่ได้เสียเปรียบเอกชนแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาตามสัญญาร่วมลงทุน ทรัพย์สินทั้งหมดในโครงการก็จะตกเป็นของภาครัฐ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง