ป.ป.ท.พบทุจริตเงินคนจนเพิ่มอีก 8 จังหวัด

กรุงเทพฯ 26 ก.พ.-ป.ป.ท.ตรวจพบเข้าข่ายทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งเพิ่มอีก 8 จังหวัด รวมเป็น 12 จังหวัด  พร้อมตรวจสอบความเชื่อมโยงพฤติการณ์ความผิด และเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้องเป็นขบวนการหรือไม่


พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.  กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย ผู้ไร้ที่พึ่งและผู้ป่วยเอดส์ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ใน 37 จังหวัดเป้าหมายเร่งด่วน ล่าสุดได้รับรายงานว่ามีการพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการทุจริตรวม 12 จังหวัด


พ.ท.กรทิพย์ กล่าวต่อว่า จังหวัดขอนแก่น และเชียงใหม่ คณะกรรมการของ ป.ป.ท. มีมติอนุมัติให้ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนจังหวัดบึงกาฬและหนองคาย กำลังจะเสนอเข้าสู่คณะกรรมการ ป.ป.ท.เพื่อพิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงในสัปดาห์นี้ 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบการทุจริตเพิ่มอีกใน 8 จังหวัด คือ สระบุรี อุดรธานี สุราษฏร์ธานี พระนครศรีอยุธยา น่าน กระบี่ ตรัง และตราด ซึ่งพนักงานสอบสวนของ ป.ป.ท.อยู่ระหว่างทำรายงานเพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการฯ พิจารณา โดยพฤติการณ์การทุจริตที่พบในทุกจังหวัด มีความคล้ายคลึงกัน โดยมีการปลอมลายเซ็นของทั้งผู้มีคุณสมบัติจะได้รับสิทธิ์สงเคราะห์และผู้ไม่มีสิทธิ์ แล้วเบียดบังเงินช่วยเหลือทั้งบางส่วนและทั้งก้อน ซึ่งแต่ละรายเสียหายไม่เท่ากัน จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นรายบุคคลต่อไป 


ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตถึงพฤติการณ์ที่มีความคล้ายคลึงกันในการทุจริต ซึ่งกำลังตรวจสอบหาความเชื่อมโยงว่ามีการทำเป็นขบวนการหรือไม่ และเชื่อมโยงไปถึงผู้บริหารระดับสูงกว่า ผอ.ศูนย์ฯ หรือไม่ หากพบจะส่งต่อให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป พร้อมกันนี้ได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งขอไม่เปิดเผยรายละเอียดได้ว่ามีใครบ้างเพราะอยู่ในสำนวน

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบในทุกจังหวัด และพยายามให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้ที่จะต้องเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคม ส่วนการย้ายปลัด พม.และรองปลัด พม.ออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้ตรวจสอบเรื่องนี้ เห็นว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ พม.ทุกศูนย์ ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเป็นอย่างดี รวมทั้งมีการส่งเอกสารและหลักฐานต่างๆให้ตามที่ร้องขอมาตลอดอยู่แล้ว 

สำหรับขั้นตอนดำเนินการของ ป.ป.ท. หลังจากพบจังหวัดที่มีการทุจริตแล้ว จะสรุปทำรายงานเสนอต่อคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาว่าจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงหรือไม่ ถ้ามีมูลจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมา ซึ่งคณะอนุกรรมการไต่สวนจะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะรายงานผลให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาขั้นสุดท้าย หากพบว่ามีมูลความผิดทางอาญาก็จะส่งเรื่องให้พนักงานอัยการส่งฟ้องคดี และหากพบมีข้าราชการผิดวินัยก็จะส่งให้หน่วยงานต้นสังกัดไปดำเนินการทางวินัยต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง