20 ก.ย. – ปปง. แถลงผลดำเนินการกับทรัพย์สินกว่า 12,800 รายการ 70 รายคดี มูลค่าทรัพย์สินกว่า 4,700 ล้านบาท
นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการ ป.ป.ท., นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง และนายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย โฆษกประจำสำนักงาน ปปง. ร่วมแถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 11/2567 เมื่อวันที่ 18กันยายน 2567 คณะกรรมการธุรกรรมได้พิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
นายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า ทรัพย์สินที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ยึดทรัพย์มาแล้วคนที่ทำความผิดทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่จะต้องไม่มีทรัพย์สินเหลืออยู่ หากโยงไปถึงว่าเงินโอนไปที่ใคร ญาติพี่น้องคนใด ก็จะดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งหมด พร้อมย้ำว่าการทำความผิดทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ไม่เพียงแต่โดนโทษทางวินัยปกครองและอาญา แต่จะต้องถูกดำเนินคดียึดทรัพย์จาก ปปง.ด้วย เงินที่ถูกยึดทรัพย์ดังกล่าวจะเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน
ความผิดเกี่ยวกับการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ มีการยึด และอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้กว่า 10,900 รายการ มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท โดยตัวอย่างรายคดี นายภีมพงษ์ กับพวก เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสำรวจทรัพย์สินสำนักงานการโยธากรุงเทพมหานคร ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติอย่างใดเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบตามกฏหมายพร้อมยึดทรัพย์สินนายภีมพงษ์กับพวก ซึ่งกรณีนี้มีพฤติการณ์ใช้กลอุบายหลอกลวงว่าพิกัดและแนวหมุดที่ดินที่จะสร้างถนนยื่นล้ำเข้ามาในพื้นที่ของสนามกอล์ฟ โดยนายภีมพงษ์ อ้างว่าตนสามารถดำเนินการขยับแนวให้สนามกอล์ฟเสียพื้นที่น้อยที่สุดแต่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการแก้แบบโครงการและเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย จากการตรวจสอบพบว่านายภีมพงษ์ นำทรัพย์สินที่ได้จากการทำความผิดไปจำนำที่โรงรับจำนำในพื้นที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทำความผิดไว้ชั่วคราวจำนวน 77 รายการ เช่น ทองรูปพรรณ ทองคำแท่ง พระเครื่อง ที่ดิน และบัญชีเงินฝากมูลค่ากว่า 26 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีกรณีคดีนายประมวล กับพวกซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี กทม. มีพฤติการณ์เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการไม่ต้องชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซึ่งบริษัทผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ นำไปสู่การสืบสวนจับกุมและตรวจพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทำความผิดจำนวนมาก คณะกรรมการธุรกรรมเคยมีคำสั่งยึดเงินสดไว้แล้วเกือบ 7 ล้านบาท โดยครั้งนี้ตรวจพบทรัพย์สินเพิ่มคณะกรรมการธุรกรรมจะมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับกรรมความผิดเพิ่มเติมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท
โดยความผิดเกี่ยวกับการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มีการยึดและอายัดทรัพย์สินเกี่ยวกับการทำความผิดไว้ชั่วคราวมูลค่ากว่า 1,042 ล้านบาท
รายคดีที่สำคัญคือ นายสง่า กับพวก (เครือข่ายโกฟุก) ที่ประสานการทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษพบข้อมูลการชักชวนให้เล่นทายผลพนันออนไลน์โดยใช้เว็บพนันชื่อต่าง ๆ โดยให้ผู้เล่นพนันโอนเงินเข้ามาผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารที่เครือข่ายผู้กระทำผิดกำหนดไว้เป็นบัญชีรับโอนเงินพนันหรือบัญชีรับแทงหน้าเว็บไซต์ โดยกลุ่มขบวนการจะโอนเงินต่อไปยังบัญชีแถวที่สอง แถวที่สาม และแถวที่สี่ และแถวที่ห้า คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องไว้ชั่วคราวรวมมูลค่ากว่า 963 ล้านบาท
นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทแห่งหนึ่ง สัญชาติเมียนมา ที่แต่งตั้งนายสง่า หรือ “โกฟุก” เป็นตัวแทนดำเนินการซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทย เพื่อส่งออกไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาโดยได้รับการยกเว้นทางภาษี เมื่อตรวจสอบสถานะของบริษัทดังกล่าว พบว่าไม่มีการจดทะเบียนบริษัท ในสารบบนิติบุคคลของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา อีกทั้ง บริษัทนี้ไม่ได้เปิดดำเนินการ หรือมีสถานประกอบการตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารใบสั่งสินค้า ที่นำมาแสดงต่อบริษัทผู้ขายน้ำมัน ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นมีการฟอกเงินรายได้จากบ่อนกาสิโนแนวชายแดน เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ 2560 ประมวลกฎหมายรัษฎากร และกฎหมายฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษที่สอบสวนอยู่
นอกจากนี้ยังมีรายคดีที่สำคัญเกี่ยวกับความผิดการฉ้อโกงประชาชนและความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ มีการยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องไว้ชั่วคราวรวมมูลค่ากว่า 3,165 ล้านบาท
โดยยกตัวอย่าง เช่น คดีหุ้น More กรณีนายภิมุข กับพวก มีพฤติการณ์ทำคำสั่งซื้อขายหุ้น More เป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง ปปง.ยึดอายัดทรัพย์สินไปแล้วเกือบ 5,400 ล้านบาท โดยมีทรัพย์สินที่ตรวจสอบได้เพิ่มเติม คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดอายัดทรัพย์สิน เกี่ยวกับการทำความผิดไว้ชั่วคราวอีกมูลค่ากว่า 168 ล้านบาท โดยเคสนี้ได้มีการแยกสำนวนการตรวจสอบทรัพย์สินในความผิดเกี่ยวกับการปั่นหุ้นหลังจากการตรวจสอบของ สำนักงาน ก.ล.ต. และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบพฤติการณ์ทำความผิดเกี่ยวกับ การซื้อขายหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น) คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินเกี่ยวกับการทำความผิดเช่นที่ดินและบัญชีเงินฝากรวมมูลค่ากว่า 230 ล้านบาท
นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. ย้ำว่า ปปง. ต้องมองความเสียหายประชาชนที่เป็นเหยื่อจากการปั่นหุ้น สร้างราคา บิดเบือนกลไกตลาด ซึ่งต้องคุ้มครองสิทธิ์ให้กับผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ โดย ปปง. จะคุ้มครองสิทธิ์ให้กับผู้เสียหายต่อไปซึ่งจะต้องสรุปให้ได้ชัดเจนและส่งเรื่องไปยังพนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องให้ศาลเป็นผู้สั่งคุ้มครองสิทธิ์แก่ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ หากประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อในกรณีที่ปั่นหุ้นสามารถมายื่นคำร้องนำเอกสารหลักฐานในสิ่งที่ได้รับความเสียหายมายื่นกับ ปปง.
นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย โฆษกประจำสำนักงาน ปปง. กล่าวว่า ปปง.มีการประกาศรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับบัญชีม้า และแจ้งรายชื่อเหล่านี้ไปยังธนาคารกว่า 50,000 รายชื่อ ซึ่งมีบัญชีที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าประมาณ 500,000 กว่าบัญชี มีเงินหมุนเวียนประมาณ 1,400 กว่าล้านบาท ตามนโยบายรัฐบาลให้นำเงินจำนวนนี้มาเกลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างการ แก้ไขกฎหมาย เนื่องจากกระบวนการกฎหมายฟอกเงินในปัจจุบัน จะต้องขอให้ศาลเป็นผู้สั่งซึ่งมีกระบวนการหลายขั้นตอน อาจทำให้เกิดความล่าช้า ซึ่งรัฐบาลต้องการให้การคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายและคืนเงินให้กับผู้เสียหายอย่างรวดเร็วที่สุด.-417-สำนักข่าวไทย