ทนายย้ำ “คดีเขากระโดง” ไม่ใช่คดีอาญา ควรจบในศาลยุติธรรม

กรุงเทพฯ 31 ส.ค. – “ทนายชนินทร์” ย้ำ “คดีเขากระโดง” ไม่ใช่คดีอาญา และควรจบลงในศาลยุติธรรมเสียที นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายคดีเขากระโดง ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีเขากระโดง ว่าไม่ใช่คดีอาญา ไม่ใช่คดีฟอกเงิน ควรยุติข้อขัดแย้งอย่างมีวุฒิภาวะ โดยนายชนินทร์ กล่าวว่า คดีเขากระโดงคือข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เป็นคดีแพ่งที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลยุติธรรม และในบางส่วนก็มีการพิจารณาอยู่ในศาลปกครอง โดยใช้กลไกตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่ใช่คดีอาญา ไม่ใช่คดีฟอกเงิน และไม่ใช่หน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่จะสอดรับคำสั่งการเมืองแล้ว “ยกระดับคดี” เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับบางคน หาก DSI ดำเนินการโดยไม่มีฐานความผิดตามกฎหมายรองรับ อาจเข้าข่ายกระทำโดยมิชอบตามกฎหมายเสียเอง และอาจมีผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่และองค์กรในภายหลัง ส่วนคำคัดค้านของเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินกว่า 900 แปลง ที่คัดค้านไม่ให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธินั้น นายชนินทร์ เห็นว่าเป็นแนวคำคัดค้านเดียวกันทั้งหมด โดยโต้แย้งว่าเอกสารสิทธิของตนออกโดยชอบ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่พระราชกฤษฎีกา และการรถไฟฯ ไม่เคยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินเขากระโดง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เรื่องนี้ต้องเสียเวลา เสียงบประมาณของรัฐ และตกเป็นเครื่องมือของเกมการเมืองอีก ขอเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยใช้สิทธิตามกฎหมาย ฟ้องเจ้าของที่ดินแปลงใดแปลงหนึ่งหรือบางแปลงต่อศาลแพ่ง เพื่อให้ศาลยุติธรรมเป็นผู้วินิจฉัยว่า ข้อโต้แย้งสิทธิ ตามคำคัดค้านของเจ้าของที่ดินฟังขึ้นตามกฎหมายหรือไม่ และเพื่อยุติข้อถกเถียงในหมู่นักกฎหมายที่ยังเห็นต่างกันอยู่ว่า คำพิพากษาหลายคดีของศาลฎีกาที่วินิจฉัยเรื่องเขากระโดงนั้น […]

“ทนายชนินทร์” ชี้ดีเอสไอลงพื้นที่เขากระโดงอาจมีนัย

กทม. 22 ส.ค.- “ทนายชนินทร์” ตั้งข้อสังเกต “ดีเอสไอ” ลงพื้นที่เขากระโดงอาจมีนัยสำคัญทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความคดีเขากระโดง กล่าวถึงการทำงานของชุดสืบสวนสอบสวนคดีที่ดินเขากระโดง ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อนื่อง เพื่อรวบรวมหลักฐานพิจารณาจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ว่า DSI กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่ เรื่องเขากระโดงไม่ใช่คดีพิเศษอะไร เป็นเพียงข้อพิพาทสิทธิในที่ดินที่กฎหมายกำหนดช่องทางไว้ชัดเจน คือให้พิจารณาตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และศาลปกครองชี้แล้วว่าอำนาจเพิกถอนโฉนดเป็นของอธิบดีกรมที่ดิน ไม่ใช่ของ DSI แต่กลับเห็นความพยายามเร่งเรื่องให้เป็นคดีพิเศษ ทั้งที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ เพียงเพราะต้องการสร้างแรงกดดันทางการเมือง นายชนินทร์ กล่าวว่า การนำเอกสารอย่าง ร.ว.9 หรือ ส.ค.1 มาโบกเป็นธง ทั้งที่รู้กันดีว่าไม่ใช่เอกสารกรรมสิทธิ์ เป็นเพียงแจ้งการครอบครองแบบเดียวกับประชาชนทั่วไป แถมยังมีปัญหามาตราส่วนผิดเพี้ยนในแผนที่ ก็สะท้อนเจตนาชัดว่าไม่ได้ทำเพื่อหาความจริงทางกฎหมาย แต่ทำเพื่อสร้างเรื่องให้สังคมเชื่อว่าประชาชนคือผู้บุกรุก ทั้งที่ประชาชนถือโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย “สิ่งที่น่ากังวลคือ การเร่งทำคดีนี้ให้กลายเป็นคดีพิเศษเกิดขึ้นหลังเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถูกกดดันให้เร่งปิดเกม ทั้งที่ความจริงปัญหาคาราคาซังมาหลายสิบปี ทำไมเพิ่งจะเร่งเอาตอนนี้ คำตอบมีเพียงข้อเดียวนี่คือการเมือง ไม่ใช่ความยุติธรรม” นายชนินทร์ กล่าว นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า หลักกฎหมายชัดเจนว่าถ้ารัฐต้องการเพิกถอนโฉนด ต้องดำเนินการผ่านคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 […]

...