สธ.25ก.พ.-สธ.เผยตั้งแต่1ม.ค.-20ก.พ.2561 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกลดลงจากปีที่แล้ว แต่ขอให้ประชาชนคงมาตรการ 3 เก็บ ‘เก็บบ้าน-เก็บขยะ-เก็บน้ำ’ ป้องกัน 3 โรค ‘ไข้เลือดออก-ติดเชื้อไวรัสซิกา-โรคไข้ปวดข้อยุงลาย’
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี 2561 ตั้งแต่ 1 มกราคม – 20 กุมภาพันธ์ 2561 พบผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้ว 2,526 ราย มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ผู้ป่วยร้อยละ 42 เป็นเด็กนักเรียน แม้จำนวนผู้ป่วยจะน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้มีฝนตกประปรายต่อเนื่อง ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ประสานความร่วมมือกับชุมชน และท้องถิ่นในการรณรงค์กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก และขอให้ทุกคนช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายอย่างต่อเนื่อง ในภาชนะต่างๆ ต้นไม้ ในบริเวณบ้าน และโรงเรียน ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ ลูกน้ำ ยุงลาย ลดการป่วยจาก 3 โรคจากยุงลาย คือโรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย
โดยใช้มาตรการ ‘3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค”ประกอบด้วย 1.เก็บบ้านให้สะอาด โล่ง ไม่ให้มีมุมอับทึบ เป็นที่เกาะพักของยุง 2.เก็บขยะเศษภาชนะรอบบ้าน ทำต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้ง ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง 3.เก็บน้ำ สำรวจภาชนะใส่น้ำ ต้องปิดฝาให้มิดชิด ป้องกันยุงลายไปวางไข่ รวมทั้งการกำจัดและควบคุมยุงตัวแก่ เช่น การพ่นสารเคมีกำจัดยุงลาย และการป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด เช่น ทายากันยุง นอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวด กำจัดยุงโดยใช้ไม้ช็อตไฟฟ้า จุดสมุนไพรหรือยาจุดไล่ยุง เป็นต้น
สำหรับอาการสำคัญของโรคไข้เลือดออก คือไข้สูงลอยเกิน 38.5 องศาเซลเซียส 2 วันแล้วไม่ดีขึ้น เบื่ออาหาร อาเจียน กินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลด หรือลดชั่วคราวแล้วกลับมาสูงอีก ให้ไปพบแพทย์ทันที เพื่อวินิจฉัยและรักษา ในการดูแลผู้ป่วยเมื่อมีไข้ ให้เช็ดตัวผู้ป่วยไม่ให้ตัวร้อนจัด รับประทานยาตามแพทย์สั่ง รับประทานอาหารอ่อนและที่ทำให้สดชื่น เช่น น้ำเกลือ น้ำผลไม้ พักผ่อนมากๆ และหมั่นสังเกตอาการที่เปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย โดยเฉพาะช่วงที่ไข้ลดประมาณตั้งแต่ 3-5 วันหลังป่วย จะเป็นช่วงอันตรายที่สุด หากมีอาการซึมลง อ่อนเพลีย รับประทานอาหารและดื่มน้ำไม่ได้ กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ปวดท้องกะทันหัน หรืออาเจียนเป็นเลือด แสดงว่าเข้าสู่ภาวะช็อก ให้ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด และควรให้ข้อมูลเรื่องอาการ ไม่ควรเปลี่ยนแพทย์/ สถานที่รักษาบ่อย ๆ และไม่ควรทานยาแอสไพริน กับกลุ่มไอบูโปรเฟน เพราะทำให้เลือดออกง่ายประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422.-สำนักข่าวไทย