จ.พิษณุโลก 19 ม.ค.- รมว.ศึกษาฯ เตรียมนำโครงการ English For All ไปใช้จัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนสังกัดสพฐ. เริ่มดำเนินการปีการศึกษา 61 ใน 7,000 โรงเรียนขนาดเล็กเเละขาดครู เตรียมหารือฟิลิบปินส์ ส่งครูมาสอน
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่จ.พิษณุโลก ติดตามการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนสะพานที่ 3 อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นโรงเรียนเเรกที่ได้เข้าร่วมโครงการ English For All ว่า เตรียมนำโครงการ English For All ไปใช้กับโรงเรียนของรัฐบาล หลังพบว่ามีรูปแบบการสอนที่น่าสนใจ กระตุ้นให้เด็กได้ใช้ทักษะภาษาอังกฤษ โดยมีรูปแบบการสอนที่ดี ให้เด็กได้เรียนภาษาอังกฤษวันละ 2 ชั่วโมง ติดต่อกัน 5 วันต่อสัปดาห์ เเละเริ่มสอนตั้งเเต่ระดับชั้นอนุบาล 1 โดยสรรหาครูชาวฟิลิบปินส์หรือครูไทยที่มีทักษาะภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยมมาสอน เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของนักเรียน ให้มีโอกาสเรียนจากเจ้าของภาษา หลังพบโครงการใช้ได้ผลดีเยี่ยมกับโรงเรียนสะพานที่ 3เดิมทีโรงเรียนเเห่งนี้ มีผลสัมฤทธิ์ทางการ ศึกษาต่ำ นักเรียนสอบได้คะเเนนโอเน็ตวิชาภาษาอังกฤษต่ำกว่ามาตรฐาน เเต่เมื่อเข้าร่วมโครงการเมื่อปี 2557 พบปี 2558 นักเรียน สอบได้คะเเนนโอเน็ตสูงเป็นอันดับ 1ของโรงเรียนขนาดกลางใน จ.พิษณุโลก
นอกจากนี้ตลอดการดำเนินการต่อเนื่อง 4 ปีพบเด็กมีทักษะภาษาอังกฤษ กล้าพูดกล้าเเสดงกับชาวต่างชาติ โดยเบื้องต้นได้หารือร่วมกับเลขา กพฐ.เเล้วจะนำรูปแบบการสอนไปใช้ซึ่งน่าจะดำเนินการได้ในปีการศึกษา 2561 โดยเริ่มกับโรงเรียนขนาดเล็กที่มีความยากจนเเละขาดเเคลนครูก่อน ตำบลละ 1 โรงเรียน รวมราวกว่า 7,000 โรงเรียน ขณะที่เรื่องครูต่างประเทศ ตนจะเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์เพื่อหารือเเละทำความร่วมมือในการจัดหาครูที่มีคุณภาพเพื่อส่งมาสอนส่วนเรื่องจำนวนยังระบุไม่ได้ ต้องหารือกันก่อน ขณะเดียวกันครูที่มาสอนส่วนหนึ่งอาจเป็นครูคนไทยที่มีความสามารถด้วย ,ส่วนเรื่องงบประมาณ ในภาคการเรียนที่ 1จะของบกลางปีของ สพฐ.ส่วนในภาคเรียนที่2จะจัดสรรงบของการปีการศึกษา 2562 โดยคาดว่ารายละเอียดในหลักการจะชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับโครงการ English For All เป็นโครงการขององค์กรเอกชน ที่ไม่เเสวงหากำไร ที่จะคัดเลือกโรงเรียนที่ขาดเเคลนครูเเละมีนักเรียนยากจนในชนบท เพื่อส่งเสริมการเรียนภาษาอังกฤษ ปฏิรูปให้เด็กไทยรุ่นใหม่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ ภายใต้โครงการเรียนฟรี ที่จะนำเงินบริจาคมาอุดหนุนเด็ก เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสที่ดีแก่เด็กไทยทั้งหมด เเละเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศในอนาคต โดยนำรูปแบบการสอนภาษาที่สองของสิงคโปร์ และมาประยุกต์การสอนภาษาอังกฤษแก่เด็กไทย เเละได้เลือกโรงเรียนแห่งนี้เพื่อนำร่องเพราะมีเด็กด้อยโอกาสจำนวนมาก .-สำนักข่าวไทย