เตรียมแผนโรงบรรจุก๊าซหุงต้มบรรจุข้ามแบรนด์

กรุงเทพฯ 2 ม.ค.- กรมธุรกิจพลังงานศึกษาเปิดเสรีโรงบรรจุก๊าซหวังเพิ่มการแข่งขันในตลาด พร้อมศึกษาการจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงถังก๊าซกลาง


นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมฯ กำลังศึกษาจะเปิดเสรีโรงบรรจุก๊าซ จากปัจจุบันกฎหมายยังไม่อนุญาตให้มีการบรรจุก๊าซข้ามแบรนด์ ซึ่งหากดำเนินการได้ จะปลดล็อคให้ เกิดการแข่งขันเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตามต้องมีการกำหนดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมากำกับดูแล โดยเฉพาะการบำรุงรักษาถังก๊าซและการสร้างความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภค

 นายวิฑูรย์กล่าวว่าในอดีตออกข้อกำหนดห้ามบรรจุข้ามแบรนด์ เพราะแก้ไขปัญหาถังขาว หรือถังไม่มีมาตฐานแต่ปัจจุบันถังขาวหมดไปนานแล้ว และข้อกำหนดมาตรฐานดูแลดีขึ้น กำหนดให้เจ้าของแบรนด์ซ่อมบำรุงในเวลาที่กำหนด ในขณะที่ปัจจุบัน ตัวเมืองขยายการสร้างโรงบรรจุก๊าซใหม่ๆ ทำได้ยาก ดังนั้น หากเปิดเสรีธุรกิจโรงบรรจุก๊าซ ก็อาจจะทำให้ผู้ค้ารายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด การการแข่งขันตามแผนส่งเสริมการค้าแอลพีจีเสรี


” หากเปิดเสรีโรงบรรจุก๊าซได้ ต่อไปผู้ค้าทุกรายก็สามารถนำถังก๊าซของตนเองไปเติมก๊าซได้ทุกโรงบรรจุ เพราะปัจจุบันคุณภาพเนื้อก๊าซเป็นมาตรฐานเดียวกันอยู่แล้วและยังเป็นการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ ส่วนการลงทุนถังก๊าซ แต่ละรายก็ลงทุนเองเชื่อว่าไม่ใช่ปัญหา  เพราะเงินที่ใช้ในการลงทุนต่อถังอยู่ที่ประมาณ 800-900 บาท “นายวิฑูรย์กล่าว

นอกจากนี้ กำลังศึกษาการจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงถังก๊าซกลาง โดยถังก๊าซแอลพีจีทุกยี่ห้อจะต้องส่งมาซ่อมในศูนย์ฯเดียวกัน ส่วนวิธีจ่ายเงินเพื่อนำมาใช้เป็นกองกลางนั้น อาจมาจากส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ของผู้ค้าแต่ละราย หรืออาจใช้รูปแบบของสหกรณ์ ซึ่งปัจจุบันเงินที่ใช้สำหรับการซ่อมบำรุงถังก๊าซนั้น ได้รวมอยู่ในค่าน้ำก๊าซและค่าการตลาด(มาร์จิน)ของผู้ค้าที่เก็บจากประชาชนอยู่แล้ว ที่กฎหมายกำหนดว่าทุก ๆ 7 ปี จะต้องซ่อมบำรุงถังก๊าซ  ก่อนหน้านี้ กรมฯได้หารือกับผู้ค้าก๊าซพบว่า ยังมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งจะต้องศึกษารายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ปัจจุบันแบรนด์ก๊าซหุงต้มมีเพียงไม่กี่แบรนด์ในท้องตลาด จากผู้ค้าก๊าซแอลพีจีกว่า 20 ราย แสดงว่า บางรายค้าขายก๊าซโดยไม่มีถัง ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูลของผู้ค้าทุกรายใหม่ว่า มีปริมาณการค้าก๊าซและถังก๊าซสอดคล้องกันหรือไม่ – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง