นครศรีธรรมราช 27 ธ.ค.-ชายชราอายุ 106 ปี ร้องศาลเรียกคืนที่ดิน 2 แปลงจากลูกชายและหลานชาย หลังยกให้แล้วไม่ทำตามข้อตกลงในการดูแลและจ่ายเงินค่าใช้จ่าย
นางอรพรรณ รักษ์ษาสัตย์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 10 ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.หญิง จิตตินันทน์ สุวรรณชาตรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีถูกข่มขู่คุกคามและเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเอง โดยนางอรพรรณ ระบุกับเจ้าหน้าที่ว่าเหตุการณ์ข่มขู่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 25 ธ.ค.60 มีนายพิชิตศักดิ์ หรือศุภกิจ รักวรกิจภาคิน อายุ 32 ปี หลานของสามีได้มาที่บ้านและตะโกนด่าทอพร้อมทั้งข่มขู่ เกรงจะเกิดอันตรายจึงมาลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
สาเหตุที่นายพิชิตศักดิ์มาข่มขู่ สืบเนื่องมาจากนายปลอด รักษาสัตย์ อายุ 106 ปี พ่อของสามี ปัจจุบันยังมีสุขภาพแข็งแรงดี ได้มอบหมายให้ทนายความฟ้องศาลจังหวัดทุ่งสงขอที่ดินซึ่งเป็นสวนยางพาราที่ได้มอบให้นายชิณพน หรือปลอบ รักวรกิจภาคิน (สกุลเดิมรักษาสัตย์) อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นลูกชาย เป็นสวนยางพาราเนื้อที่ 5 ไร่เศษ และที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่เศษ จากนายพิชิตศักดิ์ วรกิจภาคิน (สกุลเดิมรักษาสัตย์) ลูกชายของนายชิณพนกลับคืนมาให้นายปลอด เพราะหลังได้รับมรดกที่ดินแล้วก็ไม่มีดูแล แถมยังไปเปลี่ยนนามสกุลทำเหมือนไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นพ่อและปู่ของทั้ง 2 พ่อลูกรายนี้
สำหรับคำฟ้องต่อศาลนั้น เนื้อหาบรรยายฟ้องสำคัญเมื่อ 29 เม.ย. 59 คือข้าพเจ้าได้ยกที่ดินให้กับลูกชายและหลานชายเพื่อได้ทำมาหากิน และเลี้ยงดูข้าพเจ้าในวัยชรา ซึ่งข้าพเจ้ามีอายุมากแล้วไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ ปรากฏว่าหลังจากได้รับที่ดินไปแล้วนายชิณพน ลูกชาย และนายพิชิตศักดิ์ หลานชาย ไม่ได้ให้การดูแล และไม่ยอมให้เงินเป็นค่าใช้จ่ายตามที่ตกลงกันไว้ ทำให้ข้าพเจ้าได้รับความลำบาก ต้องพึ่งพาอาศัยลูกหลานคนอื่นๆ มาดูแลและหาอาหารให้รับประทานประทังชีวิตไปเพียงวันๆ ขณะที่นี้ลูกชายและหลานชายได้ไปเปลี่ยนนามสกุล เป็น “รักวรกิจภาคิน” เหมือนกับไม่ยอมรับว่าตนเป็นพ่อ
หลังจากที่ศาลไต่สวนพยานและตรวจสอบหลักฐานได้เข้าสู่กระบวนการประนีประนอมและสามารถตกลงกันได้ เพราะถือเป็นพ่อลูกและหลาน โดยสั่งให้นายชินพนจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้นายปลอด (บิดา) เดือนละ 5,000 บาท ให้นายพิชิตศักดิ์ (หลานชาย) จ่ายเงินให้นายปลอด เดือนละ 3,000 บาท ติดต่อกันไปจนสิ้นอายุขัยโจทก์ โดยเริ่มจ่ายงวดแรกเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 59 ให้นำเงินฝากเข้าบัญชีนายปลอด ธนาคารเกษตรและสหกรณ์ หากจำเลยผิดนัดชำระเงิน 2 งวดติดต่อกัน ยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีจำนวนเงิน 200,000 บาท และหากโจทก์ถึงแก่ความตาย จำเลยตกลงจ่ายเงินค่าปลงศพให้กับทางญาติที่จัดงานศพจำนวน 150,000 บาท
ปรากฏว่านายชินพน และนายพิชิตศักดิ์ จ่ายเงินให้นายปลอดเพียง 10 เดือนเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้นายปลอด จึงแต่งตั้งทนายความไปร้องศาลเป็นรอบที่ 2 ซึ่งในที่สุดศาลได้มีคำสั่งเพิกถอนการให้ที่ดินทั้ง 2 แปลงของนายปลอดกลับคืนสู่นายปลอด โดยในขณะนี้อยู่ในระหว่างการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี ขณะที่นายปลอด ซึ่งอยู่ในวัยชรามากแล้ว เวลาเดินต้องมีคนมาประคอง ได้กล่าวว่าตนเองอายุมากแล้วอยากมีลูกหลายมาดูแลในวัยใกล้หมดอายุไข ลูกคนที่มอบที่ดินให้กลับไม่ดูแล และยังไปเปลี่ยนนามสกุลอีก จึงต้องเอาที่ดินกลับคืน จะมอบให้ใครนั้นต้องดูก่อนว่าลูกคนไหนเลี้ยงดูก็จะมอบให้กับคนนั้น.-สำนักข่าวไทย